หางาน

แต่งกายอย่างไรให้เหมาะสมกับการไปสัมภาษณ์งาน


เชื่อว่าทุกคนต้องเคยตื่นเต้นกับการไปสัมภาษณ์งานอย่างแน่นอนทำตัวไม่ถูกบางคนตื่นเต้นจนนอนไม่หลับก็มีเรื่องที่หนีไม่พ้นก็คงเป็นเรื่องการแต่งกายและบุคลิกภาพของตัวเองในการไปสมัครงานหรือสัมภาษณ์งานเพราะการแต่งกายก็เป้นส่วนหนึ่งที่บริษัทจะรับเราเข้าทำงานหรือไม่เหมือนกัน

บางคนอาจจะคิดว่าการไปสัมภาษณ์งานไม่ได้มีอะไรพิเศษไม่เห็นต้องแต่งตัวให้ต่างไปจากปกติเรื่องนี้เป็นความคิดที่ผิดเพราะการแต่งตัวเป็นสิ่งแรกที่ผู้สัมภาษณ์จะเห็นจากเราไม่ใช่คำพูดหรือประวัติส่วนตัวการแต่งตัวก็ต้องดูเป็นทางการสักหน่อยแต่ไม่ต้องโอเวอร์มากจนเกินไปแต่งแต่พอดีทำให้เราดูมีบุคลิกดีและมีความน่าเชื่อถือ

การใช้เสื้อยืดกางเกงยีนส์และรองเท้าแตะเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งเพราะคนสัมภาษณ์จะมองว่าเราเป็นคนที่ไม่มีกาลเทศะได้และไม่ควรแต่งตัวเวอร์จนเกินไปเพราะเราแค่ไปสมัครงานไม่ได้ไปประกวดร้องเพลงหรืออย่างใดโดยเฉพาะเสื้อผ้าสีบาดตาไม่ควรใช้อย่างยิ่งเพราะจะทำให้คุณค่าในตัวเราดูลดลงไปทันที

คุณผู้หญิงก็ไม่ควรแต่งตัววับๆแวบๆโชว์ส่วนต่างๆของร่างกายเพราะเราไปสัมภาษณ์งานไม่ได้ไปเที่ยวผับเที่ยวบาร์ควรแต่งตัวให้เกียรติสถานที่ทำงานเพราะถ้าเราแต่งตัวไปแบบนั้นเผลอๆจะโดนไล่เพราะไม่เคารพสถานที่ด้วยซ้ำไปแค่แต่งตัวให้สุภาพเรียบร้อยผมก็ให้ดูเรียบร้อยรองเท้าก็ควรให้สะอาดซะหน่อยถ้าเราแต่งตัวดีแต่รองเท้าสกปรกก็คงดูไม่ดีอย่างแน่นอน

การแต่งตัวไปสัมภาษณ์งานนั้นต้องลงทุนหน่อยเราอาจจะหานิตยสารที่เกี่ยวกับการแต่งตัวสักเล่มไม่ต้องเอาแบบที่โอเวอร์เกินไปเพียงเอามาใช้เป็นแนวทางในการแต่งตัวเท่านั้นเองการแต่งตัวให้ดีมีส่วนช่วยให้บุคลิกภาพคุณดูดีขึ้นมากแถมยังทำให้เราดูเป็นคนที่น่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้นอีกด้วยการแต่งตัวไปทำงานวันแรกก็เหมือนกันเราควรเลือกชุดที่เป้นยูนิฟอร์มของบริษัทหรือถ้าไม่มีเราก็ควรเลือกเสื้อกที่เข้ากับลักษณะของงานไม่ใช่เราทำงานโรงงานแต่ใส่ชุดสูทรับรองไม่เกินครึ่งวันสูทดีๆของคุณพังแน่นอนเพราะฉะนั้นเราก็ต้องดูลักษณะงานของเราด้วยว่าเป็นยังไงเหมาะสมกับเสื้อผ้าที่เราเลือกหรือไม่สุดท้ายนี้อยากให้คิดว่าการแต่งตัวนั้นมีความสำคัญทั้งกับการสมัครงานและการทำงานมากแค่ไหน




ตกงานทำอย่างไรให้รอด

ตกงานในปัจจุบันถือว่าเป็นปกติอย่างมากเพราะว่ามีการแข่งขันสูงมากในการทำงานเมื่อเราทำงานที่ได้รับมอบหมายไม่ได้บริษัทก็มีโอกาสที่จะไล่เราออกหรือสาเหตุเกิดจากที่เราลาออกเองเพราะทนแรงกดดันจากการทำงานไม่ไว้เพราะฉะนั้นวันนี้เรานำเสนอวิธีทำให้ตัวเองมีภูมิคุ้มกันเมื่อต้องเจอกับสภาวะตกงานหรือต้องเปลี่ยนงานใหม่กันซึ่งมีดังต่อไปนี้

1.คิดว่าเป็นเรื่องสนุก
คิดซะว่าเราได้พักร้อนเป็นโอกาสที่เราเหนื่อยจากการทำงานมามากได้พักผ่อนสมองอาจจะออกไปเที่ยวทำอะไรที่ไม่ได้อยากทำมานานเพื่อให้ร่างกายและจิตใจพร้อมจะก้าวเดินก้าวใหม่ต่อไปได้อย่างเต็มที่

2.หาอะไรทำไม่ให้ตัวเองว่าง
เมื่อเราว่างจิตเราก็จะคิดฟุ้งซ่านว่าจะหางานใหม่ได้ไหมเราต้องทำตัวเองให้ไม่ว่างหาอะไรทำเช่นอ่านหนังสือเล่นคอมพิวเตอร์หรือปลูกต้นไม้ดูทีวีเพื่อให้เราคิดถึงเรื่องอื่นและไม่กังวลเรื่องที่ผ่านไปแล้ว

3.ออกไปพบปะผู้คน
เมื่อเราอยู่คนเดี๋ยวเราก็คงรู้สึกเหงาเราอาจจะออกไปหาเพื่อนฝูงหาคนรู้จักแลกเปลี่ยนเรื่องต่างๆเพื่อให้สมองปลอดโปร่งไม่คิดมากวิธีนี้ช่วยให้คุณไม่คิดมากซึ่งดีกว่าการนั่งอยู่บ้านเฉยๆไปวันๆ

4.ติดตามข่าวสารให้มากขึ้น
เมื่อมีข่าวที่เกี่ยวข้องกับการทำงานเราอาจจะศึกษาเรื่องต่างๆนั้นไว้เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับการหางานใหม่ของเราใครจะรู้ว่าการติดตามข่าวสารเนี่ยแหละทำให้คนได้งานดีๆมามากแล้ว

5.ติดตามการรับสมัครงานของบริษัทต่างๆ
ไม่เพียงแต่ติดตามข่าวสารเราก้ติดตามตำแหน่งงานที่เปิดรับตามเว็บไซต์จัดหางานต่างๆด้วยหรือเราอาจจะไปตามงานที่จัดตามสถานที่ต่างๆเราไปที่เดียวอาจจะสมัครได้ถึงสิบๆบริษัทเลยซึ่งประหยัดเวลา

6.ส่งอีเมล์หรือจดหมาย
พยายามฝึกการเขียนจดหมายสมัครงานหรืออีเมล์สมัครงานให้ถูกต้องและดีที่สุดเพื่อให้จัดหมายของเรานั้นโดดเด่นและเป็นที่น่าสนใจมากที่สุดตั้งใจเขียนไม่คิดว่าเป้นเรื่องไม่สำคัญเด็ดขาดเพราะจดหมายสมัครงานเนี่ยแหละสำคัญที่สุดในการสมัครงานเลยทีเดียว

7.ประหยัดให้มากขึ้น
เมื่อเราไม่มีรายได้ประจำอีกต่อไประหว่างการรอหางานใหม่เราก็ต้องประหยัด่าใช้จ่ายให้มากขึ้นสิ่งไหนไม่จำเป็นเราก็ต้องประหยัดเช่นการกินอาหารมื้อแพงๆเราก็อาจจะจำนวนครั้งลงบ้างเพราะตอนนี้เราไม่มีรายได้อาจจะใช้วิธีเขียนรายรับรายจ่ายเพื่อให้สะดวกต่อการตรวจสอบย้อนหลัง

8.มีกำลังใจอยู่เสมอ
กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกเรื่องไม่ว่าเราจะทำอะไรเราต้องการกำลังใจเสมอเมื่อเรามีกำลังใจแล้วเรื่องอื่นๆก็จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปแน่นอนเพราะกำลังใจเป้นรากฐานของการต่อสู้อุปสรรค

9.ไปสมัครงาน
เมื่อเราพร้อมทุกอย่างเราก็ออกไปสมัครงานได้เลยโดยต้องไม่ลืมว่าเรามีประสบการณ์ในการทำงานมาแล้วซึ่งตรงนี้เป้นข้อได้เปรียบผู้สมัครคนอื่นอย่างแน่นอนใช้มันให้เกิดประโยชน์

10.หาเส้นทางอื่นสำรอง
เราไม่จำเป็นต้องมีทางเลือกเดียวเสมอไปถ้าเราสมัครงานแล้วไม่ได้งานเราไม่จำเป้นต้องเสียใจหรือผิดหวังเพราะถ้าคิดซะว่ายังมีอีกหลายงานรอเราอยู่เราก็ไม่ต้องกลัวอะไรอีกต่อไป

ข้อคิดดีๆเพื่อพิชิตงานใหม่

เมื่อเราเริ่มต้นงานแรกๆเราจะรู้สึกว่าอะไรก็ยากไปหมดและไม่สามารถปรับตัวได้ทันสำหรับบางคนกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ส่งผลให้ต้องปรับตัวอยู่นานหรือต้องเปลี่ยนงานไปเลยเพราะไม่สามารถเห็นแรงกดดันได้ต่อไปในวันนี้เรามีเทคนิคที่จำเป็นในการรับมือกับการเริ่มงานสำหรับมือใหม่ให้ได้รู้กันซึ่งมีดังนี้

1.คิดว่าตัวเองไม่ได้เก่งทุกอย่างไว้เสมอ
เมื่อเราเรียนจบใหม่ๆก็ต้องมีการอยากลองวิชาความรู้ที่ได้เรียนมาอย่างแน่นอนแต่อย่าลืมว่าการทำงานจริงกับการเรียนนั้นนแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเราอาจจะเก่งในห้องเรียนแต่เมื่อมาทำงานแล้วเราก็ต้องเริ่มใหม่ทั้งหมดทั้งการเรียนรู้สิ่งต่างๆที่จำเป็นในการทำงานและการทำงานร่วมกับผู้อื่นถ้าเราไม่ยอมรับในข้อนี้และคิดว่าตัวเองเก่งเราก็จะทำงานผิดพลาดได้เพราะเราไม่เคยมีประสบการณ์ในการทำงานเลยระลึกไว้เสมอว่าต้องทำตัวให้เป็นเหมือนแก้วที่มีน้ำครึ่งใบพร้อมที่จะรับสิ่งใหม่ๆอยู่เสมอ


2.เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ
เมือบริษัทมีกิจกรรมกระชับความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมงานเราต้องหาโอกาสไปให้ได้เพราะนี้เป็นโอกาสสำหรับเด็กใหม่ในการทำความรู้จักเพื่อนร่วมงานและรุ่นพี่ในบริษัทยิ่งเรารู้จักคนมาเท่าไรยิ่งดีเพราะเมื่อเรามีปัญหาในการทำงานเราก็สามารถปรึกษาพวกเขาเหล่านั้นได้แต่เราต้องไม่ตามเขาเหล่านั้นเสมอไปถ้าเราคิดว่าสิ่งเหล่านั้นไม่ถูกต้องเช่นการกลั่นแกล้งพนักงานคนอื่นหรือฉอโกงบริษัทเป็นต้น


3.รู้แพ้รู้ชนะรู้อภัย
การทำงานมีการแข่งขันตลอดเวลาเช่นการแข่งขันทำผลงานระหว่างแผนกแผนกไหนชนะก็จะได้โบนัสมากขึ้นเมื่อเราชนะเราก็ไม่ควรเยาะเย้ยผู้แพ้และเมื่อเราเป็นผู้แพ้ก็ไม่ควรหมั่นไส้หรือโกรธเคืองผู้ชนะควรจะยินดีให้กับผู้ชนะและโอกาสหน้ามาแข่งกันใหม่ถ้าเราอยากชนะเราก็ต้องทำงานให้เต็มที่และทำงานให้เป็นทีมมากขึ้นเพื่อชัยชนะเป็นต้น


4.ต้องทราบจุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเอง
ไม่มีใครที่ทำงานแรกๆแล้วจะเก่งไปทุกอย่างคนเรามีทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนเมื่อเราทราบจุดแข็งของเราดีแล้วว่าเรามีจุดแข็งในการทำอะไรบ้างเช่นเราสามารถพูดคุยกับลูกค้าให้ลูกค้าเชื่อถือได้มากเราก็นำจุดแข็งนี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในการทำงานต่อมาเราก็ต้องทราบจุดอ่อนของตัวเองเช่นเราไม่สามารถที่ต้องใช้ความละเอียดสูงได้เช่นการทำงานในการคำนวณที่ละเอียดเราก็ต้องค่อยๆฝึกฝนและพัฒนาทักษะความสามารถนั้นไปจนเราเก่งในที่สุดเพื่อเป็นการปิดจุดอ่อนของเรา


5.สร้างทัศนคติที่โดดเด่น
เมื่อเราทำงานไปเราก็จะรู้สึกทุกคนมีทัศนคติในการทำงานที่แตกต่างกันเราจำเป็นต้องทัศนคติในการทำงานในแง่บวกเพื่อการทำงานที่ทำได้อย่างเต็มที่และทัศนคติของเราต้องมีความเป็นตัวของตัวเองโดยไม่ต้องตามใครเช่นเราชอบการทำงานที่มีความละเอียดรอบคอบเราก็ทำงานของเราให้มีความละเอียดรอบคอบเพื่อให้คนอื่นเห็นว่าเรามีทัศนคติในการทำงานอย่างไรเป็นต้น


6.ควบคุมสติและลดอาการตื่นเต้น
เมื่อเราต้องนำเสนองานชิ้นแรกสิ่งแรกที่เราควรทำคือตั้งสติเพราะเมื่อเรามีสติแล้วไม่ว่าจะมีปัญหาเฉพาะหน้าอะไรเราก็สามารถแก้ไขได้ทันทีถ้าเราไม่มีสติตอนนั้นเราก็อาจจะตอบคำถามของลูกค้าหรือหัวหน้าได้ทำให้เราดูเป็นคนไม่เตรียมพร้อมอะไรเลย