เทคนิคการบริหารเวลา
ไม่ว่าเราจะรวยจนแค่ไหนเราก็ไม่สามารถซื้อเวลาที่ผ่านไปแล้วกลับมาได้ดังนั้นเวลาจึงเป็นสิ่งที่โลกให้ทุกคนเท่าเทียมกันขึ้นอยู่กับว่าเราจะใช้เวลาของเราไปเพื่ออะไรใช้ทำอะไรใครใช้เวลาให้มีประโยชน์มากที่สุดก็จะได้ประโยชน์จากการกระทำเหล่านั้นมากที่สุดไม่ว่าเราจะมีหน้าที่การงานอะไรก็ตามมีฐานะรวยหรือจนถ้าเราไม่เอาแต่โทษโชคชะตาแต่ใช้เวลาที่มีอยู่ทำสิ่งต่างๆให้ดีขึ้นเราก็จะไม่มีทางลำบากอย่างแน่นอนยิ่งเราบริหารเวลาได้ดีมากแค่ไหนเราก็จะได้เปรียบคนอื่นมากเท่านั้น
เทคนิคการบริหารเวลา
1.ปฏิทินชีวิต
-เป้าหมายของชีวิตของเราคืออะไรและเมื่อไหร่
-เราต้องผ่านบันไดกี่ขั้นถึงจะทำเป้าหมายนั้นได้สำเร็จ
2.ปฏิทินประจำปี
-ต้องใช้เวลากี่ปีจึงประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย
-เราต้องเตรียมตัวในแต่ละปีอย่างไรและต้องปฏิบัติชีวิตอย่างไร
3.ปฏิทินประจำเดือน
-งานในรอบเดือนที่เราต้องทำมีอะไรบ้างที่สามารถทำได้โดยไม่ส่งผลเสียต่องานประจำ
-งานอะไรบ้างที่เราต้องทำโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้
4.ปฏิทินประจำวัน
4.1งานที่สำคัญที่เราต้องทำ
-งานเร่งด่วน
-งานที่ไม่เร่งด่วน
4.2งานที่เราควรทำเป็นงานรอง
-งานเร่งด่วน
-งานที่ไม่เร่งด่วน
-งานที่เราต้องทำเพื่อพัฒนาทักษะของเรา
ยิ่งเราจัดการกับเวลาที่มีอยู่ของเราได้ดีเท่าไหร่เราก็จะได้เปรียบคนอื่นๆอย่างมากเมื่อเราสามารถจัดการเวลาที่เรามีอยู่เราสามารถใช้เวลาให้คุ้มค่ามากที่สุดได้สังเกตุจากคนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่แล้วจะมีการวางแผนจัดการเวลาไว้ก่อนทำอะไรก็ตามแต่
ทำงานด้วยใจที่เต็มร้อย
คนที่ทำงานกินเงินเดือนหรืองานบริษัทเมื่อทำงานไปเรื่อยๆจะเกิดอาการที่เรียกว่าเบื่อหน่ายกับงานที่ทำอยู่ไม่มีแรงใจทำงานในการทำงานเหมือนตอนทำงานแรกๆเพราะเบื่อกับบรรยากาศการทำงานเดิมๆและความไม่ก้าวหน้าในการทำงานทำให้อยากลาออกไปทำธุรกิจส่วนตัวแต่หากเรามองในอีกมุมหนึ่งคนที่ทำงานกินเงินเดือนมีข้อได้เปรียบคนที่ทำธุรกิจส่วนตัวอยู่หลายอย่างเช่นมีรายได้ที่แน่นอนไม่มีทางล้มละลายเพราะไม่ได้ลงทุนสามารถเปลี่ยนงานเมื่อไรก็ได้แต่ธุรกิจส่วนตัวเมื่อลงทุนไปแล้วก็ต้องต่อไปเรื่อยๆไม่สามารถตัดสินใจเปลี่ยนได้ทันทีทันได้เหมือนงานกินเงินเดือนอีกทั้งงานกินเงินเดือนมีวันหยุดที่แน่นอนแต่ธุรกิจส่วนตัวอาจจะต้องทำงาน24ชม.เพราะเราต้องจัดการทุกอย่างเองทั้งหมด
การทำงานด้วยใจที่เต็มร้อยต้องมีดังนี้
1.ทำงานที่รัก
เมื่อเราทำอะไรที่เราชอบเราจะทำมันได้ดีไม่วาจะเป็นเรื่องการเรียนหรือการทำงานก็ตามแต่สามารถนำมาใช้ได้เหมือนกันเมื่อเรารู้สึกสนุกและหลงใหลในการทำงานเราจะไม่รู้สึกเหนื่อยกับการทำงานเลยเราจะคิดว่ามันเป็นเพียงแค่เรื่องสนุกที่เราต้องทำถ้าเราคิดว่าการทำงานเป็นเรื่องสนุกได้ก็ไม่ต้องกังวลว่าเราจะรู้สึกเหนื่อยหรือเบื่อหน่ายกับการทำงานทำให้งานที่ออกมานั้นสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
2.มีทัศนคติที่ดีในการงาน
ทัศนคติที่ดีมีความสำคัญต่อการทำงานอย่างมากเพราะคนที่ทัศนคติในการทำงานในแง่บวกจะเปรียบเสมือนคลังสมบัติที่พร้อมจะเก็บสิ่งของมีค่าไว้เสมอแตกต่างจากคนที่ทัศนคติในแง่ลบที่พร้อมจะรับสิ่งไม่ดีเข้ามาเก็บไว้เสมอเพราะฉะนั้นทัศนคติที่ดีจึงจำเป็นอย่างมากสำหรับคนที่ทำงานและต้องการประสบความสำเร็จต่อทั้งเพื่อนร่วมงานงานที่ทำงานและเจ้านายอีกด้วย
3.มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีต่อเพื่อนร่วมงาน
เราต้องมีสัมพันธ์ที่ดีต่อเพื่อนร่วมงานและเจ้านายต้องมีศิลปะในการชักจูงให้คนที่ทำงานร่วมมือกันทำงานเป็นทีมเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่บริษัทได้วางเอาไว้ไม่ถือว่าตัวเองเป็นใหญ่แต่ให้คิดว่าทุกคนมีความสำคัญกับงานที่ทำงานอยู่ไม่ว่าจะมีหน้าที่มากน้อยแค่ไหนก็ตาม
4.พัฒนาความสามารถตัวเองอยู่เสมอ
การพัฒนาตัวเองอยู่เสมอเป็นผลดีต่อตัวเองเพราะเมื่อเรามีความสามารถเพื่อมากขึ้นจากที่เราไม่รู้อะไรเลยก็จะทำให้เราเก่งจากที่เรามีความรู้แค่หนึ่งเมื่อเราตั้งใจเรียนรู้และพัฒนาตัวเองอยู่เสมอสิบก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมอย่างแน่นอน
สุดท้ายนี้ขอให้คิดว่าอย่างน้อยเราก็มีงานทำมีเงินเดือนใช้ไม่ควรคิดเบื่อหน่ายหรือน้อยใจว่างานที่อยู่มันไม่ดีหรืออะไรให้คิดซะว่าเป็นการหาประสบการณ์ในการทำงานที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อนไม่แน่เราอาจจะชอบมันก็ได้และทำมันได้ดีกว่าเรื่องที่ชอบอีกซะด้วย
7 วิธีการสู่ความสำเร็จในการทำงาน
ในการทำงานให้ประสบความสำเร็จนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ง่ายก็จริงแต่ก็ไม่เกิดความพยายามของคนคนหนึ่งถ้าเรามีความพยายามและตั้งใจแล้วละก็คุณว่าความสำเร็จจะหนีคุณไปไหนได้กัน
7 วิธีการสู่ความสำเร็จในการทำงาน
1. ค้นเป้าหมายของชีวิตให้พบ
เราต้องค้นหาให้พบว่างานแบบไหนที่เราต้องการทำจริงๆงานอะไรที่เราชอบและเราถนัดมากที่สุดโดยการหาเวลาพูดกับตัวเองเสมอว่างานที่เราทำอยู่นั้นเราสามารถทำมันได้เต็มความสามารถที่เรามีหรือไม่ และจะทำอย่างไรเพื่อจะไปให้ถึงจุดนั้นได้
2. มีความสุขกับงานที่ทำ
เมื่อค้นพบแล้วคราวนี้ก็มาสนุกกับงานที่ทำให้เต็มที่เพราะเมื่อเราทำงานด้วยความสนุกงานที่ออกมานั้นก็จะดีตามเราก็จะมีแรงกระตุ้นให้ทำงานนั้นๆให้ดีที่สุดและประสบความสำเร็จให้ได้
3. ความเชื่อมั่น
เพื่อความสำเร็จอย่าลืมที่จะมีความมุ่งมั่นลงไปในงานที่ทำด้วยเพราะเมื่อไรก็ตามที่เรามุ่งมั่นในการทำงานด้วยความขยันบวกกับความเชื่อมั่นในตัวเองและกล้าที่จะคิดและทำในสิ่งที่แตกต่างจากคนอื่นได้ รับรองได้เลยว่าผลลัพธ์คือความสำเร็จแน่นอนเลยทีเดียว
4. ความคิดสร้างสรรค์
ผู้ที่ประสบกับความสำเร็จมักจะเริ่มต้นด้วยการเป็นผู้ที่มีความคิดสร้างสรรค์และถ้าเราใช้ความคิดสร้างสรรค์นั้นมาเป็นตัวช่วยในการทำงานเราก็จะมีไอเดียในการทำงานอยู่เสมอเราจะเป็นที่ต้องการของทุกองค์กรอย่างแน่นอนที่สุดอย่าเพิ่งหยุดคิดแม้วันนี้จะยังไม่ใช่แต่สักวันมันต้องใช่แน่นอน
5. การปรับตัวให้เร็ว
เชื่อว่าเราทุกคนต้องเคยพบกับปัญหาการอยู่ร่วมกับเพื่อนร่วมงานใหม่ๆที่มีนิสัยที่แตกต่างกันมากจนกลายเป็นอุปสรรคขัดขวางความสุขในการทำงานอยู่ในขณะนี้ สิ่งที่ต้องทำคือปรับตัวเราจะปรับเปลี่ยนบางอย่างของเราเพื่อให้เข้ากับสังคมในที่ทำงานให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
6. คิดในแง่บวกเสมอ
ไม่นำความผิดพลาดเล็กน้อยๆหรือความผิดพลาดที่ผ่านมาในอดีตมาบั่นทอดพลังในการทำงานและหมั่นคิดหมั่นทำท่าทีให้เป็นบวกเข้าไว้อย่าย่อท้อต่ออุปสรรคยิ้มเข้าไว้แล้วเราจะได้เป็นที่รักของเพื่อนร่วมงานได้ไม่ยากเลย
7. มีความซื่อสัตย์และชอบช่วยเหลือผู้อื่น
รับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเองที่ได้รับมอบหมายและช่วยเหลือเพื่อนร่วมงานทุกครั้งที่มีโอกาสเพราะวันหนึ่งเราอาจจะต้องให้เพื่อนร่วมงานคนนั้นช่วยเหลือเราเหมือนกันและมีน้ำใจอย่างคุณนี่แหล่ะที่ทุกองค์กรต้องการจะทำอะไรก็มีคนคอยสนับสนุนและผลักดันให้เจริญก้าวหน้าเพราะเรามีมิตรภาพที่ดีไม่สร้างศัตรูผูกมิตรอยู่เสมอ
7 วิธีการสู่ความสำเร็จในการทำงาน
1. ค้นเป้าหมายของชีวิตให้พบ
เราต้องค้นหาให้พบว่างานแบบไหนที่เราต้องการทำจริงๆงานอะไรที่เราชอบและเราถนัดมากที่สุดโดยการหาเวลาพูดกับตัวเองเสมอว่างานที่เราทำอยู่นั้นเราสามารถทำมันได้เต็มความสามารถที่เรามีหรือไม่ และจะทำอย่างไรเพื่อจะไปให้ถึงจุดนั้นได้
2. มีความสุขกับงานที่ทำ
เมื่อค้นพบแล้วคราวนี้ก็มาสนุกกับงานที่ทำให้เต็มที่เพราะเมื่อเราทำงานด้วยความสนุกงานที่ออกมานั้นก็จะดีตามเราก็จะมีแรงกระตุ้นให้ทำงานนั้นๆให้ดีที่สุดและประสบความสำเร็จให้ได้
3. ความเชื่อมั่น
เพื่อความสำเร็จอย่าลืมที่จะมีความมุ่งมั่นลงไปในงานที่ทำด้วยเพราะเมื่อไรก็ตามที่เรามุ่งมั่นในการทำงานด้วยความขยันบวกกับความเชื่อมั่นในตัวเองและกล้าที่จะคิดและทำในสิ่งที่แตกต่างจากคนอื่นได้ รับรองได้เลยว่าผลลัพธ์คือความสำเร็จแน่นอนเลยทีเดียว
4. ความคิดสร้างสรรค์
ผู้ที่ประสบกับความสำเร็จมักจะเริ่มต้นด้วยการเป็นผู้ที่มีความคิดสร้างสรรค์และถ้าเราใช้ความคิดสร้างสรรค์นั้นมาเป็นตัวช่วยในการทำงานเราก็จะมีไอเดียในการทำงานอยู่เสมอเราจะเป็นที่ต้องการของทุกองค์กรอย่างแน่นอนที่สุดอย่าเพิ่งหยุดคิดแม้วันนี้จะยังไม่ใช่แต่สักวันมันต้องใช่แน่นอน
5. การปรับตัวให้เร็ว
เชื่อว่าเราทุกคนต้องเคยพบกับปัญหาการอยู่ร่วมกับเพื่อนร่วมงานใหม่ๆที่มีนิสัยที่แตกต่างกันมากจนกลายเป็นอุปสรรคขัดขวางความสุขในการทำงานอยู่ในขณะนี้ สิ่งที่ต้องทำคือปรับตัวเราจะปรับเปลี่ยนบางอย่างของเราเพื่อให้เข้ากับสังคมในที่ทำงานให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
6. คิดในแง่บวกเสมอ
ไม่นำความผิดพลาดเล็กน้อยๆหรือความผิดพลาดที่ผ่านมาในอดีตมาบั่นทอดพลังในการทำงานและหมั่นคิดหมั่นทำท่าทีให้เป็นบวกเข้าไว้อย่าย่อท้อต่ออุปสรรคยิ้มเข้าไว้แล้วเราจะได้เป็นที่รักของเพื่อนร่วมงานได้ไม่ยากเลย
7. มีความซื่อสัตย์และชอบช่วยเหลือผู้อื่น
รับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเองที่ได้รับมอบหมายและช่วยเหลือเพื่อนร่วมงานทุกครั้งที่มีโอกาสเพราะวันหนึ่งเราอาจจะต้องให้เพื่อนร่วมงานคนนั้นช่วยเหลือเราเหมือนกันและมีน้ำใจอย่างคุณนี่แหล่ะที่ทุกองค์กรต้องการจะทำอะไรก็มีคนคอยสนับสนุนและผลักดันให้เจริญก้าวหน้าเพราะเรามีมิตรภาพที่ดีไม่สร้างศัตรูผูกมิตรอยู่เสมอ
6P สำหรับความสำเร็จในการทำงาน
การทำงานทุกคนต้องคาดหวังถึงความสำเร็จแม้ว่างานนั้นจะยากมากแค่ไหนคนที่คาดหวังถึงความสำเร็จอยู่เสมอจะเป็นคนที่ทำงานได้ดีเพราะมีความกระตือรือร้นตลอดเวลาทำให้งานที่ออกมานั้นดีตาม
6P สำหรับความสำเร็จในการทำงาน
1.P-Positive Thinking
คือการมีความคิดแง่บวกในการทำงานมองโลกในแง่ดีเสมอเมื่อเจอปัญหาใดๆเช่นเมื่อทำงานแล้วเจอปัญหาใดๆก็ตามในการทำงานไม่คิดถึงแต่ปัญหาและนั่งกลุ้มใจคิดว่าเราต้องแย่แน่ๆให้เราคิดว่าสิ่งต่างๆจะเป็นบทเรียนให้เราในอนาคตเมื่อเกิดปัญหาอีกเราก็พร้อมจะรับมือ
2.P-Peaceful Mind
การมีจิตใจที่ดีงามอยู่เสมอเวลาเกิดปัญหาอะไรก็ตามขึ้นไม่ควรใช้กำลังหรืออารมณ์ในการตัดสินปัญหาเด็ดขาดเพราะยิ่งเราใช้อารมณ์ในการตัดสินปัญหาก็จะยิ่งทำให้สิ่งต่างๆนั้นแย่ลงต้องมีจิตใจที่สงบมีสมาธิจะทำให้เราแก้ไขปัญหาได้ทันทีและแก้ไขปัญหาถูกจุดอีกทั้งยังทำให้รามีสุขภาพจิตที่ดีอีกด้วย
3.P-Patient
ความอดทนอดกลั้นกับบความรู้สึกต่างๆคนเราไม่จำเป็นต้องได้ทุกอย่างในทันทีเราต้องรอจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสมของเราไม่ควรใจร้อนหรือใช้อารมณ์ในการแก้ไขปัญหาหรือใช้อารมณ์ในการอยากได้อยากมีในสิ่งที่ไม่ใช่ของตัวเองเด็ดขาดเพราะจส่งผลเสียต่อตัวเองและผู้อื่น
4.P-Punctual
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมากสำหรับการทำงานคือการตรงต่อเวลาไม่ใช่เพียงแค่มาทำงานตรงต่อเวลารวมไปถึงการนัดหมายการทำงานให้ตรงตามเวลาที่ตั้งเป้าหมายไว้เพื่อให้เราฝึกความมีระเบียบวินัยในตัวเองเมื่อเราสามารถรักษาในส่วนนี้ได้ก็จะมีเรื่องดีๆตามมาอีกมากมาย
5.P-Polite
เมื่อเราเข้าไปทำงานใหม่ๆแน่นอนจะต้องมีรุ่นพี่รุ่นน้องและผู้อาวุโสเราต้องให้ความเคารพและมีสัมมาคารวะถึงแม้ว่าตำแหน่งของเราจะสูงกว่าก็ตามคนที่ทำงานร่วมกันควรอยู่กันแบบพี่น้องมากกว่าอยู่แบบนับตำแหน่งงานเป็นหลักเพื่อให้เกิดความสนิทสนมในการทำงานมากขึ้น
6.P-Professional
มีความเป็นมืออาชีพในการทำงานเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากเพราะในปัจจุบันคนส่วนใหญ่จะไม่เห็นความสำคัญของเรื่องนี้ทำให้ละเลยอะไรที่คิดว่าไม่ำสคัญไปแต่ความจริงแล้วมันสำคัญอย่างมากถ้าเราสามารถแสดงความเป็นมืออาชีพให้ลูกค้าเห็นลูกค้าก็ไว้ใจเชื่อใจเราในการทำงานต่อไป
6P สำหรับความสำเร็จในการทำงาน
1.P-Positive Thinking
คือการมีความคิดแง่บวกในการทำงานมองโลกในแง่ดีเสมอเมื่อเจอปัญหาใดๆเช่นเมื่อทำงานแล้วเจอปัญหาใดๆก็ตามในการทำงานไม่คิดถึงแต่ปัญหาและนั่งกลุ้มใจคิดว่าเราต้องแย่แน่ๆให้เราคิดว่าสิ่งต่างๆจะเป็นบทเรียนให้เราในอนาคตเมื่อเกิดปัญหาอีกเราก็พร้อมจะรับมือ
2.P-Peaceful Mind
การมีจิตใจที่ดีงามอยู่เสมอเวลาเกิดปัญหาอะไรก็ตามขึ้นไม่ควรใช้กำลังหรืออารมณ์ในการตัดสินปัญหาเด็ดขาดเพราะยิ่งเราใช้อารมณ์ในการตัดสินปัญหาก็จะยิ่งทำให้สิ่งต่างๆนั้นแย่ลงต้องมีจิตใจที่สงบมีสมาธิจะทำให้เราแก้ไขปัญหาได้ทันทีและแก้ไขปัญหาถูกจุดอีกทั้งยังทำให้รามีสุขภาพจิตที่ดีอีกด้วย
3.P-Patient
ความอดทนอดกลั้นกับบความรู้สึกต่างๆคนเราไม่จำเป็นต้องได้ทุกอย่างในทันทีเราต้องรอจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสมของเราไม่ควรใจร้อนหรือใช้อารมณ์ในการแก้ไขปัญหาหรือใช้อารมณ์ในการอยากได้อยากมีในสิ่งที่ไม่ใช่ของตัวเองเด็ดขาดเพราะจส่งผลเสียต่อตัวเองและผู้อื่น
4.P-Punctual
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมากสำหรับการทำงานคือการตรงต่อเวลาไม่ใช่เพียงแค่มาทำงานตรงต่อเวลารวมไปถึงการนัดหมายการทำงานให้ตรงตามเวลาที่ตั้งเป้าหมายไว้เพื่อให้เราฝึกความมีระเบียบวินัยในตัวเองเมื่อเราสามารถรักษาในส่วนนี้ได้ก็จะมีเรื่องดีๆตามมาอีกมากมาย
5.P-Polite
เมื่อเราเข้าไปทำงานใหม่ๆแน่นอนจะต้องมีรุ่นพี่รุ่นน้องและผู้อาวุโสเราต้องให้ความเคารพและมีสัมมาคารวะถึงแม้ว่าตำแหน่งของเราจะสูงกว่าก็ตามคนที่ทำงานร่วมกันควรอยู่กันแบบพี่น้องมากกว่าอยู่แบบนับตำแหน่งงานเป็นหลักเพื่อให้เกิดความสนิทสนมในการทำงานมากขึ้น
6.P-Professional
มีความเป็นมืออาชีพในการทำงานเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากเพราะในปัจจุบันคนส่วนใหญ่จะไม่เห็นความสำคัญของเรื่องนี้ทำให้ละเลยอะไรที่คิดว่าไม่ำสคัญไปแต่ความจริงแล้วมันสำคัญอย่างมากถ้าเราสามารถแสดงความเป็นมืออาชีพให้ลูกค้าเห็นลูกค้าก็ไว้ใจเชื่อใจเราในการทำงานต่อไป
จะทำอย่างไรเมื่อเราไม่สามารถทำตามเป้าหมายที่องค์กรได้วางเอาไว้
ถ้าเกิดทำงานไม่ได้ตามเป้าหมายที่องค์กรตั้งไว้ก็จะส่งผลให้มีความรู้สึกไม่มีแรงใจในการทำงานต่อไปเพราะกลัวทำงานไม่ได้ตามเป้าหมายเหมือนงานที่ผ่านมา
จะทำอย่างไรเมื่อเราไม่สามารถทำตามเป้าหมายที่องค์กรได้วางเอาไว้
เมื่อได้รับมอบหมายงานแต่เราไม่สามารทำงานให้ตรงตามเป้าหมายที่เราคาดหวังไว้ได้ก็จะส่งผลให้พนักงานไม่มีกำลังใจในการทำงานรู้สึกท้อแท้ในการทำงานและกดดันตัวเองซึ่งจะส่งผลเสียให้พนักงานทำงานชิ้นต่อไปได้ไม่ดีเพราะมัวจมอยู่กับความผิดพลาดในอดีตดังนั้นเมื่อเราต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่เราทำงานไม่ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้มีวิธีดังต่อไปนี้ในการแก้ไขปัญหา
1.SELF-MOTIVATION
เมื่อเราทำงานผิดพลาดหรือไม่ตรงตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ไม่ควรจมอยู่กับความทุกข์หรืออดีตที่ผิดผ่านที่ผ่านมาเราต้องรู้จักนำความผิดพลาดในอดีตมาแก้ไขปัจจุบันให้ดีขึ้นเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดอีกหรือเพื่อให้ทำงานได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
2.IDENTIFY ROOT CAUSE
เมื่อเราทำงานไม่ได้ตรงตามเป้าหมายทีมงานก็ต้องมานั่งประชุมร่วมกันถกปัญหาที่เกิดขึ้นว่าเหตุใดงานถึงไม่ตรงตามเป้าหมายที่วางไว้และช่วยกันแก้ไขปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเพื่อให้งานนั้นเป็นไปตามเป้าหมายทุกคนต้องช่วยกันไม่ว่าหน้าที่ของเราจะมีความสำคัญมากน้อยแค่ไหนต่องาน
3.ACTION PLAN & IMPLEMEMTATION
หลังจากที่ทีมงานร่วมกันประชุมถึงปัญหาที่เกิดขึ้นแล้วขั้นตอนต่อไปก็คือการลงมือแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังโดยนำแผนในการแก้ไขปัญหาที่ร่วมกันประชุมมาลงมือทำและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นเฉพาะไปพร้อมๆกันเพื่อให้การแก้ไขปัญหานั้นแก้ไขได้อย่างถูกจุดที่สุด
4.EXECUTION AND FOLLOW UP
ทำงานตามแผนใหม่ที่วางไว้และกำหนดระยะเวลาที่งานควรเสร็จให้แน่นอนควรเผื่อเวลาสำหรับความผิพลาดที่จะเกิดขึ้นกับงานเอาไว้ด้วยเพื่อให้เรามีเวลาแก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้ทันท่วงที
การทำงานไม่ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้เป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้และอาจจะเกิดจากสาเหตุอื่นๆที่เราไม่สามารถเข้าไปควบคุมได้เช่นวันเวลาที่มีจำกัดงบประมาณที่ได้รับมาน้อยหรือเกิดจากการผิดพลาดของคนอื่นๆที่ไม่ใช่ตัวของเราซึ่งสิ่งเหล่านี้เราไม่สามารถเข้าไปควบคมมันได้อย่างแน่นอนเพราะฉะนั้นถ้าเกิดงานไม่ได้ตรงตามที่วางเป้าหมายไว้เราก็ควรภูมิใจว่าเราทำงานนั้นเต็มที่มากที่สุดแล้ว
จะทำอย่างไรเมื่อเราไม่สามารถทำตามเป้าหมายที่องค์กรได้วางเอาไว้
เมื่อได้รับมอบหมายงานแต่เราไม่สามารทำงานให้ตรงตามเป้าหมายที่เราคาดหวังไว้ได้ก็จะส่งผลให้พนักงานไม่มีกำลังใจในการทำงานรู้สึกท้อแท้ในการทำงานและกดดันตัวเองซึ่งจะส่งผลเสียให้พนักงานทำงานชิ้นต่อไปได้ไม่ดีเพราะมัวจมอยู่กับความผิดพลาดในอดีตดังนั้นเมื่อเราต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่เราทำงานไม่ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้มีวิธีดังต่อไปนี้ในการแก้ไขปัญหา
1.SELF-MOTIVATION
เมื่อเราทำงานผิดพลาดหรือไม่ตรงตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ไม่ควรจมอยู่กับความทุกข์หรืออดีตที่ผิดผ่านที่ผ่านมาเราต้องรู้จักนำความผิดพลาดในอดีตมาแก้ไขปัจจุบันให้ดีขึ้นเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดอีกหรือเพื่อให้ทำงานได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
2.IDENTIFY ROOT CAUSE
เมื่อเราทำงานไม่ได้ตรงตามเป้าหมายทีมงานก็ต้องมานั่งประชุมร่วมกันถกปัญหาที่เกิดขึ้นว่าเหตุใดงานถึงไม่ตรงตามเป้าหมายที่วางไว้และช่วยกันแก้ไขปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเพื่อให้งานนั้นเป็นไปตามเป้าหมายทุกคนต้องช่วยกันไม่ว่าหน้าที่ของเราจะมีความสำคัญมากน้อยแค่ไหนต่องาน
3.ACTION PLAN & IMPLEMEMTATION
หลังจากที่ทีมงานร่วมกันประชุมถึงปัญหาที่เกิดขึ้นแล้วขั้นตอนต่อไปก็คือการลงมือแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังโดยนำแผนในการแก้ไขปัญหาที่ร่วมกันประชุมมาลงมือทำและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นเฉพาะไปพร้อมๆกันเพื่อให้การแก้ไขปัญหานั้นแก้ไขได้อย่างถูกจุดที่สุด
4.EXECUTION AND FOLLOW UP
ทำงานตามแผนใหม่ที่วางไว้และกำหนดระยะเวลาที่งานควรเสร็จให้แน่นอนควรเผื่อเวลาสำหรับความผิพลาดที่จะเกิดขึ้นกับงานเอาไว้ด้วยเพื่อให้เรามีเวลาแก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้ทันท่วงที
การทำงานไม่ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้เป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้และอาจจะเกิดจากสาเหตุอื่นๆที่เราไม่สามารถเข้าไปควบคุมได้เช่นวันเวลาที่มีจำกัดงบประมาณที่ได้รับมาน้อยหรือเกิดจากการผิดพลาดของคนอื่นๆที่ไม่ใช่ตัวของเราซึ่งสิ่งเหล่านี้เราไม่สามารถเข้าไปควบคมมันได้อย่างแน่นอนเพราะฉะนั้นถ้าเกิดงานไม่ได้ตรงตามที่วางเป้าหมายไว้เราก็ควรภูมิใจว่าเราทำงานนั้นเต็มที่มากที่สุดแล้ว
3 ปัจจัยที่ช่วยให้คนจบใหม่ได้งาน
ปัจจุบันมีคนจบใหม่ออกมามากมายและไม่มีงานทำเพราะด้วยเหตุผลหลายประการทั้งเลือกงานมากเกินไป คุณสมบัติไม่เพียงพอต่อตำแหน่งงาน รายได้ไม่ตรงตามที่ต้องการ และอีกหลายๆเหตุผลซึ่งทำให้คนจบใหม่ตกงานเป็นจำนวนมากจะต้องทำอย่างไรเพื่อไม่ให้เป็นหนึ่งในคนจบใหม่ที่ตกงานซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ดีอย่างแน่นอนเพราะยิ่งเราว่างงานนานแค่ไหนเราก็จะไม่มีประสบการณ์ในการทำงานซึ่งส่งผลเสียต่ออนาคตอย่างแน่นอนเพราะฉะนั้นวันนี้เราจะมาบอกปัจจัยที่ช่วยให้คนจบใหม่ได้งานทำซึ่งมีดังนี้
1.Internship
นักศึกษาทุกคนเคยผ่านการฝึกงานมาแล้วทั้งนั้นแล้วในเมื่อทุกคนเคยผ่านการฝึกงานมาแล้วทั้งนั้นการฝึกงานจะเป็นปัจจัยที่ทำให้เราได้งานได้อย่างไรแต่ถ้าเราดูดีๆเราจะเห็นว่าการฝึกงานเป็นเวลาที่เราได้แสดงความสามารถให้พี่ๆที่ทำงานได้เห็นและประทับใจในตัวเราว่าเราทำงานได้ดีแค่ไหนขยันหรือเปล่ามีความอดทนมากแค่ไหนซึ่งจะทำให้พี่ๆเห็นถึงความสามารถของเราเมื่อเราเรียนจบเราก็จะมีความคุ้นเคยกับรุ่นพี่ที่ทำงานสิ่งนี้จะทำให้เรามีโอกาสได้รับเลือกเข้าทำงานมากกว่าคนอื่นที่ไม่เป็นที่ประทับใจในระหว่างการฝึกงานถ้ายิ่งตอนฝึกงานเราแสดงความสามารถที่เด่นชัดเราอาจจะได้รับการจองตัวจากบริษัทและนี่คือทำไม Intership จึงเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญในการได้งานของคนจบใหม่
2.Network
สายสัมพันธ์ในการทำงานเป็นอีกอย่างที่สำคัญอย่างมากมนุษย์จำเป็นต้องมีสังคมไม่มีใครที่สามารถอยู่คนเดียวได้การสร้างสายสัมพันธ์ในการทำงานทำได้สองวิธีคือ
-การเข้าไปฝึกงานและได้รู้จักพี่ๆในที่ทำงานซึ่งเป็นด่านแรกที่สุดที่จะทำให้เรารู้จักคนมากขึ้น
-เมื่อเราเข้าไปฝึกงานหรือทำงานเราต้องได้ร่วมงานกับคนนอกบริษัทที่ทำงานในสายเดียวกันเราต้องรู้จักสะสมความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับจากพี่ๆที่ร่วมงานทั้งด้านดีและด้านไม่ดีเพื่อเอามาปรับปรุงใช้กับตัวเราเองไม่ควรทำตามคนอื่นทุกอย่างเราต้องหาจุดที่เราคิดว่าลงตัวกับเรามากที่สุด
ยิ่งรู้จักคนมากเท่าไรเราก็ยิ่งมีประสบการณ์ในเรื่องต่างๆมากขึ้นทำให้การทำงานของเราดีขึ้นตาม
3.Passion
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดเพราะเมื่อเรามีแรงบันดาลใจอะไรมากๆเราก็ยิ่งสนใจที่จะทำสิ่งนั้นเต็มที่จนทำให้เราดูเป็นคนที่กระตือรือร้นในการทำงานเวลาสัมภาษณ์งานก็เช่นกันผู้สัมภาษณ์ก็จะรู้สึกถึงความตั้งใจและตั้งมั่นที่มีซึ่งทำให้เรามีโอกาสที่จะได้รับเลือกเข้าทำงานมากกว่าคนที่ไม่ตั้งใจจะมาสัมภาษณ์งานมาสัมภาษณ์เพราะไม่มีทางเลือก
ทั้ง3 ปัจจัยข้างต้นถ้าคนจบใหม่คนไหนมีทั้ง3 ข้อก็จะทำให้มีโอกาสในการได้รับเลือกเข้าทำงานอย่างแน่นอนเพราะทั้ง 3ปัจจัยเป็นสิ่งพื้นฐานที่สำคัญที่จะทำให้บริษัทสนใจในตัวเรามากกว่าใครๆ
สัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษเตรียมตัวอย่างไรดี
ในปัจจุบันถ้าเราต้องการเงินเดือนที่สูงเราต้องทำงานบริษัทต่างชาติและการทำงานกับบริษัทต่างชาติก็ต้องใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารและการสัมภาษณ์งานก็เช่นกันหลายคนกลัวเรื่องการสื่อสารกับชาวต่างชาติกลัวว่าจะพูดถูกๆผิดๆกลัวว่าจะฟังไม่ออกแล้วเราจะเตรียมตัวอย่างไรดีเพื่อให้การสัมภาษณ์งานนั้นผ่านไปได้ด้วยดี
สัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษเตรียมตัวอย่างไรดี
ก่อนที่เราจะเริ่มสัมภาษณ์งานเราควรฝึกภาษาในชีวิตประจำวันให้คุ้นชินก่อนประเมินจุดอ่อนและจุดแข็งของคุณและคิดว่าควรจะปรับปรุงมันอย่างไรเช่นถ้าเรารู้ตัวว่าเราฟังได้ดีแต่พูดไม่เก่งเราก็ต้องใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารให้มากยิ่งขึ้นเพื่อให้เกิดความเคยชินอาจจะใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารกับคนใกล้ตัวหรือสื่อสารกับคนต่างชาติผ่านทางอินเทอร์เน็ตเป็นต้นสิ่งที่สำคัญคือเราต้องไม่ท้อไม่ว่าจะยากแค่ไหนเพราะเราสามารถฝึกฝนในสิ่งที่เราไม่ถนัดได้ขอเพียงแค่ไม่ท้อเท่านั้นเองท่าทางในการสื่อสารก็เป็นสิ่งที่สำคัญเมื่อเรามีการสื่อสารที่ดีและท่าทางที่ออกไปนั้นเหมาะสมผู้ฟังก็จะรู้สึกอยากฟังในสิ่งที่เราพูดมากยิ่งขึ้น
1.รู้จักวัฒนธรรมของชาวต่างชาติทั้งการทักทายเช่นการจับมือหรือโอบกอดและต้องมีความเชื่อมั่นการจับมือทักทายแสดงถึงความมีมรรยาทในการทักทายของชาวต่างชาติเป็นต้น
2.เรียนรู้ตัวเองเพื่อนำเสนอตัวเองได้ชัดเจนมากที่สุดโดยให้เวลากับตัวเองมากๆรวมทั้งเราต้องรู้ศักยภาพของตัวเราเองด้วยว่ามีแค่ไหนความสำเร็จที่เคยผ่านมาสิ่งที่สามารถทำได้และทำไม่ได้สภาพแวดล้อมในการทำงานที่ถนัดเป็นต้นถ้าเราสามารถบอกข้อมูลส่วนตัวเหล่านี้ได้ทั้งหมดจะช่วยให้เราสื่อสารได้งานมากยิ่งขึ้นการใช้เอกสารเป็นตัวประกอบการสัมภาษณ์งานก็เป็นสิ่งสำคัญเราต้องฝึกพูดกับตัวเองหน้ากระจกเสมอเพื่อให้เกิดความเคยชินในการใช้ภาษาและต้องเตรียมพร้อมรับมือปัญหาที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าด้วย
3.รู้จักคำถามที่จะได้พบบ่อยในการสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ
-Why you choose to work with us?
ทำไมคุณถึงเลือกทำงานกับเรา
-Do you experience working like this before?
คุณมีประสบการณ์ในการทำงานนี้มาก่อนหรือไม่
-Did you plan on developing your skills?
คุณวางแผนที่จะพัฒนาทักษะความสามารถของตัวเองหรือไม่
-How much do you expect on your salary?
คุณต้องการรายได้เท่าไร
สัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษเตรียมตัวอย่างไรดี
ก่อนที่เราจะเริ่มสัมภาษณ์งานเราควรฝึกภาษาในชีวิตประจำวันให้คุ้นชินก่อนประเมินจุดอ่อนและจุดแข็งของคุณและคิดว่าควรจะปรับปรุงมันอย่างไรเช่นถ้าเรารู้ตัวว่าเราฟังได้ดีแต่พูดไม่เก่งเราก็ต้องใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารให้มากยิ่งขึ้นเพื่อให้เกิดความเคยชินอาจจะใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารกับคนใกล้ตัวหรือสื่อสารกับคนต่างชาติผ่านทางอินเทอร์เน็ตเป็นต้นสิ่งที่สำคัญคือเราต้องไม่ท้อไม่ว่าจะยากแค่ไหนเพราะเราสามารถฝึกฝนในสิ่งที่เราไม่ถนัดได้ขอเพียงแค่ไม่ท้อเท่านั้นเองท่าทางในการสื่อสารก็เป็นสิ่งที่สำคัญเมื่อเรามีการสื่อสารที่ดีและท่าทางที่ออกไปนั้นเหมาะสมผู้ฟังก็จะรู้สึกอยากฟังในสิ่งที่เราพูดมากยิ่งขึ้น
1.รู้จักวัฒนธรรมของชาวต่างชาติทั้งการทักทายเช่นการจับมือหรือโอบกอดและต้องมีความเชื่อมั่นการจับมือทักทายแสดงถึงความมีมรรยาทในการทักทายของชาวต่างชาติเป็นต้น
2.เรียนรู้ตัวเองเพื่อนำเสนอตัวเองได้ชัดเจนมากที่สุดโดยให้เวลากับตัวเองมากๆรวมทั้งเราต้องรู้ศักยภาพของตัวเราเองด้วยว่ามีแค่ไหนความสำเร็จที่เคยผ่านมาสิ่งที่สามารถทำได้และทำไม่ได้สภาพแวดล้อมในการทำงานที่ถนัดเป็นต้นถ้าเราสามารถบอกข้อมูลส่วนตัวเหล่านี้ได้ทั้งหมดจะช่วยให้เราสื่อสารได้งานมากยิ่งขึ้นการใช้เอกสารเป็นตัวประกอบการสัมภาษณ์งานก็เป็นสิ่งสำคัญเราต้องฝึกพูดกับตัวเองหน้ากระจกเสมอเพื่อให้เกิดความเคยชินในการใช้ภาษาและต้องเตรียมพร้อมรับมือปัญหาที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าด้วย
3.รู้จักคำถามที่จะได้พบบ่อยในการสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ
-Why you choose to work with us?
ทำไมคุณถึงเลือกทำงานกับเรา
-Do you experience working like this before?
คุณมีประสบการณ์ในการทำงานนี้มาก่อนหรือไม่
-Did you plan on developing your skills?
คุณวางแผนที่จะพัฒนาทักษะความสามารถของตัวเองหรือไม่
-How much do you expect on your salary?
คุณต้องการรายได้เท่าไร
สร้าง...ทีมทีมเวิร์คในการทำงาน
การทำงานต้องทำงานเป็นทีมถึงจะทำให้ประสบความสำเร็จเราต้องเรียนรู้การสร้างทีมเวิร์คในการทำงานเพื่อช่วยให้การทำงานนั้นทำได้อย่างมีประสิทธิภาพและและทำงานได้อย่างเต็มที่มากยิ่งขึ้น
เราจะสร้างทีมเวิร์คได้อย่างไร
การเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานด้วยการสร้างทีมเวิร์คนั้นเราจะเห็นได้ในองค์กรต่างๆอยู่หลายครั้งโดยขึ้นอยู่กับแต่ละองค์กรมีนโยบายอย่างไรบ้างที่จะชักจูงหรือกระตุ้นพนักงานให้เกิดแนวความคิดที่จะเห็นความสำคัญของทีมเวิร์กในการทำงานเราต้องอธิบายให้เห็นว่าทีมเวิร์คนั้นส่งผลดีต่อการทำงานมากแค่ไหนเหมือนมีทีมเวิร์คในการทำงานแล้วผลที่ได้รับของพนักงานคืออะไรเป็นต้น
จุดประสงค์ที่ชัดเจน
หัวหน้างานต้องมีความสามารถในการสื่อสารกับลูกทีมสื่อสารกับลูกทีมว่าทำไมเราจำเป็นต้องมีทีมเวิร์คในการทำงานแสดงผลที่ได้รับจากการมีทีมเวิร์คในการทำงานให้ลูกทีมได้เห็นแสดงเป้าหมายในการทำงานให้ชัดเจนให้ลูกน้องเห็นว่าความคาดหวังของทีมคืออะไร
การแบ่งสรรงานให้เหมาะสม
ลูกทีมต้องเห็นความสำคัญของงานที่ตัวเองได้รับจากหัวหน้างานเข้าใจถึงจุดมุ่งหมายที่มีร่วมกันเห็นการทำงานของตัวเองว่าเป้นส่วนสำคัญอย่างหนึ่งของทีมเพราะว่าเมื่อลูกทีมเห็นว่าตัวเองมีความสำคัญหรือเป็นส่วนหนึ่งของทีมแล้วก็จะรู้สึกอยากทำงานของตัวเองที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จลุล่วงดังนั้นหัวหน้างานต้องแสดงถึงความสำคัญของงานที่ได้มอบหมายให้ลูกทีมทำว่ามีความสำคัญมากแค่ไหน
ความสามารถของคนในทีม
นอกจากที่เราต้องถึงเทคนิคในการชักจูงลูกทีมให้เห็นถึงความสำคัญของทีมเวิร์คแล้วเรื่องที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่งคือความสามารถของลูกทีมว่าลูกทีมแต่ละคนมีความสามารถแค่ไหนและเหมาะสมกับงานประเภทไหนบ้างการคัดเลือกให้ทำงานที่เหมาะสมกับความสามารถที่เขามีจะทำให้เขาทำงานนั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงที่สุดซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญกว่าการเลือกคนที่เก่งมาทำงานที่เขาไม่ถนัดเพราะในทีมจะต้องมีหลายๆส่วนประกอบกันทั้งผู้นำ ผู้ตาม ผู้คิด และผู้ปฎิบัติ
การร่วมมือกันในสมาชิกภายในทีม
ลูกทีมต้องเข้าใจกระบวนการทำงานของทีมอย่างละเอียดลึกซึ้งเพื่อให้การทำงานนั้นทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดการทำงานเป็นทีมย่อมมีความเห็นที่ขัดแย้งกันอย่างแน่นอนแต่ลูกทีมต้องเข้าใจถึงหน้าที่ของตัวเองว่าต้องทำอะไรบ้างส่วนหัวหน้าทีมมีหน้าที่ดูปัญหาที่จะเกิดขึ้นและแก้ไขปัญหาอีกทั้งยังต้องช่วยเหลือลูกทีมในการตัดสินใจหาทางออกของปัญหาที่เหมาะสม
ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
ในปัจจุบันการแข่งขันมีมากมายถ้าเราไม่มีความคิดสร้างสรรค์อะไรใหม่ๆขึ้นมาเราก็ไม่สามารถแข่งขันกับบริษัทอื่นได้อย่างแน่นอนดังนั้นเราต้องกระตุ้นให้ลูกทีมเห็นถึงความสำคัญของความคิดสร้างสรรค์และผลประโยชน์ที่จะได้รับเช่นถ้าลูกทีมคนไหนมีความคิดสร้างสรรค์ที่น่าสนใจและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ก็จะได้รับรางวัลหรืออาจจะจัดกิจกรรมที่สร้างแรงบันดาลใจและความคิดสร้างสรรค์ให้กับลูกทีมขึ้นมาซึ่งมีส่วนสำคัญให้ลูกทีมเกิดไอเดียใหม่ๆในการทำงานมากขึ้น
การเปลี่ยนแปลง
ในปัจจุบันยุดสมัยเปลี่ยนแปลงไปเร็วมากเราไม่สามารถอยู่กับทีมเดิมๆหรือหัวหน้าเดิมๆได้ตลอดเวลาเมื่อถึงเวลาที่เราต้องถูกโยกย้ายหรือมีการเปลี่ยนแปลงหัวหน้างานเราต้องพร้อมรับมือเสมอเพื่อให้ทำงานได้อย่างไม่มีปัญหาลูกทีมจึงต้องมีภูมิต้านต่อการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นอยู่เสมอ
ความพร้อม
ทีมที่จะมีความพร้อมคือทีมที่มีผู้นำหรือหัวหน้างานที่ดีมีเพื่อนร่วมทีมที่เข้าใจซึ่งกันและกันและยังสามารถเข้าใจความต้องการของลูกค้าได้อย่างลึกซึ้งดังนั้นเมื่อลูกค้าถามคำถามมาลูกทีมทุกคนต้องสามารถตอบคำถามนั้นได้ทันทีและสามารถชี้แจ้งรายละเอียดให้ลูกค้าได้เข้าใจอย่างครบถ้วน
เราจะสร้างทีมเวิร์คได้อย่างไร
การเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานด้วยการสร้างทีมเวิร์คนั้นเราจะเห็นได้ในองค์กรต่างๆอยู่หลายครั้งโดยขึ้นอยู่กับแต่ละองค์กรมีนโยบายอย่างไรบ้างที่จะชักจูงหรือกระตุ้นพนักงานให้เกิดแนวความคิดที่จะเห็นความสำคัญของทีมเวิร์กในการทำงานเราต้องอธิบายให้เห็นว่าทีมเวิร์คนั้นส่งผลดีต่อการทำงานมากแค่ไหนเหมือนมีทีมเวิร์คในการทำงานแล้วผลที่ได้รับของพนักงานคืออะไรเป็นต้น
จุดประสงค์ที่ชัดเจน
หัวหน้างานต้องมีความสามารถในการสื่อสารกับลูกทีมสื่อสารกับลูกทีมว่าทำไมเราจำเป็นต้องมีทีมเวิร์คในการทำงานแสดงผลที่ได้รับจากการมีทีมเวิร์คในการทำงานให้ลูกทีมได้เห็นแสดงเป้าหมายในการทำงานให้ชัดเจนให้ลูกน้องเห็นว่าความคาดหวังของทีมคืออะไร
การแบ่งสรรงานให้เหมาะสม
ลูกทีมต้องเห็นความสำคัญของงานที่ตัวเองได้รับจากหัวหน้างานเข้าใจถึงจุดมุ่งหมายที่มีร่วมกันเห็นการทำงานของตัวเองว่าเป้นส่วนสำคัญอย่างหนึ่งของทีมเพราะว่าเมื่อลูกทีมเห็นว่าตัวเองมีความสำคัญหรือเป็นส่วนหนึ่งของทีมแล้วก็จะรู้สึกอยากทำงานของตัวเองที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จลุล่วงดังนั้นหัวหน้างานต้องแสดงถึงความสำคัญของงานที่ได้มอบหมายให้ลูกทีมทำว่ามีความสำคัญมากแค่ไหน
ความสามารถของคนในทีม
นอกจากที่เราต้องถึงเทคนิคในการชักจูงลูกทีมให้เห็นถึงความสำคัญของทีมเวิร์คแล้วเรื่องที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่งคือความสามารถของลูกทีมว่าลูกทีมแต่ละคนมีความสามารถแค่ไหนและเหมาะสมกับงานประเภทไหนบ้างการคัดเลือกให้ทำงานที่เหมาะสมกับความสามารถที่เขามีจะทำให้เขาทำงานนั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงที่สุดซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญกว่าการเลือกคนที่เก่งมาทำงานที่เขาไม่ถนัดเพราะในทีมจะต้องมีหลายๆส่วนประกอบกันทั้งผู้นำ ผู้ตาม ผู้คิด และผู้ปฎิบัติ
การร่วมมือกันในสมาชิกภายในทีม
ลูกทีมต้องเข้าใจกระบวนการทำงานของทีมอย่างละเอียดลึกซึ้งเพื่อให้การทำงานนั้นทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดการทำงานเป็นทีมย่อมมีความเห็นที่ขัดแย้งกันอย่างแน่นอนแต่ลูกทีมต้องเข้าใจถึงหน้าที่ของตัวเองว่าต้องทำอะไรบ้างส่วนหัวหน้าทีมมีหน้าที่ดูปัญหาที่จะเกิดขึ้นและแก้ไขปัญหาอีกทั้งยังต้องช่วยเหลือลูกทีมในการตัดสินใจหาทางออกของปัญหาที่เหมาะสม
ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
ในปัจจุบันการแข่งขันมีมากมายถ้าเราไม่มีความคิดสร้างสรรค์อะไรใหม่ๆขึ้นมาเราก็ไม่สามารถแข่งขันกับบริษัทอื่นได้อย่างแน่นอนดังนั้นเราต้องกระตุ้นให้ลูกทีมเห็นถึงความสำคัญของความคิดสร้างสรรค์และผลประโยชน์ที่จะได้รับเช่นถ้าลูกทีมคนไหนมีความคิดสร้างสรรค์ที่น่าสนใจและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ก็จะได้รับรางวัลหรืออาจจะจัดกิจกรรมที่สร้างแรงบันดาลใจและความคิดสร้างสรรค์ให้กับลูกทีมขึ้นมาซึ่งมีส่วนสำคัญให้ลูกทีมเกิดไอเดียใหม่ๆในการทำงานมากขึ้น
การเปลี่ยนแปลง
ในปัจจุบันยุดสมัยเปลี่ยนแปลงไปเร็วมากเราไม่สามารถอยู่กับทีมเดิมๆหรือหัวหน้าเดิมๆได้ตลอดเวลาเมื่อถึงเวลาที่เราต้องถูกโยกย้ายหรือมีการเปลี่ยนแปลงหัวหน้างานเราต้องพร้อมรับมือเสมอเพื่อให้ทำงานได้อย่างไม่มีปัญหาลูกทีมจึงต้องมีภูมิต้านต่อการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นอยู่เสมอ
ความพร้อม
ทีมที่จะมีความพร้อมคือทีมที่มีผู้นำหรือหัวหน้างานที่ดีมีเพื่อนร่วมทีมที่เข้าใจซึ่งกันและกันและยังสามารถเข้าใจความต้องการของลูกค้าได้อย่างลึกซึ้งดังนั้นเมื่อลูกค้าถามคำถามมาลูกทีมทุกคนต้องสามารถตอบคำถามนั้นได้ทันทีและสามารถชี้แจ้งรายละเอียดให้ลูกค้าได้เข้าใจอย่างครบถ้วน
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)