อยากทำงานต่างประเทศ ทำอย่างไรดี
ทำงานต่างประเทศอย่างไร วางแผนอย่างไร ทำอย่างไรไม่ให้ถูกหลอก ติดเรื่องการสื่อสาร เหตุผลข้างต้นจะไม่มีอีก ถ้าเราเตรียมตัวไว้อย่างดี
ปัจจุบันมีคนต้องการไปทำงานที่ต่างประเทศอยู่มาก เพราะค่าตอบแทนนั้นดีกว่าที่ประเทศไทย แต่คนไทยส่วนใหญ่ สื่อสารภาษาอังกฤษไม่ค่อยดี เพราะฉะนั้นการให้ความสำคัญกับภาษานั้นเป็นเรื่องที่สำคัญ
1.ภาษาเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด เพราะเมื่อเราไปทำงานที่ต่างประเทศ แต่เราไม่สามารถพูดภาษาของประเทศนั้นๆได้ ก็จะเกิดอุปสรรคอย่างมาก เพราะเราไม่สามารถสื่อสารกับลูกค้าหรือเพื่อนร่วมงานได้ บางบริษัทก็ไม่รับ ถ้าคุณไม่สามารถสื่อสารภาษาของประเทศนั้นได้
2.ศึกษาบริษัทที่เราจะไปต้องไปทำงาน ศึกษาว่าบริษัทนั้นทำเกี่ยวกับอะไร ที่ตั้งบริษัทอยู่ที่ไหน เบอร์ติดต่ออะไร เราสามารถค้นคว้าหาข้อมูลได้จาก อินเทอร์เน็ต
3.วัฒนธรรมของประเทศที่เราไปทำงาน วัฒนธรรมของแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน ถ้าเราไปปฎิบัติตัวไม่ถูกต้องเรา อาจจะถูกตำหนิหรืออาจจะถูกไล่ออกได้ เพราะฉะนั้นการศึกษาวัฒนธรรมก่อนไปทำงานจึงเป็นเรื่องสำคัญ
เกร็ดความรู้ข้างต้น คนที่สนใจจะไปทำงานต่างประเทศสามารถนั้นไปใช้ได้ เพราะการเตรียมตัวให้ดีทำให้มีชัยไปกว่าครึ่งการทำงานที่ต่างประเทศต้องมีบริษัทที่ไว้ใจได้เราขอเสนอเว็บไซต์สมัครงาน ลงประกาศรับสมัครงานที่เป็นที่นิยมของประเทศอยากไปทำงานต่างประเทศฝากประวัติไว้กับที่นี้ได้เลย
งานวิศวกรรมที่ตรงใจวิศวกร
งานวิศวกรรมเป็นงานอันดับต้นๆ ที่เปิดรับสมัครในกลุ่มประเทศอาเซียน เพราะฉะนั้นวิศวกรต้องเตรียมตัวให้พร้อม และเพิ่มทักษะให้กับตัวเอง
เทคนิคในการให้ได้งานวิศวกรรมที่ตรงตามความต้องการ
ปัจจุบันอาชีพวิศวกรเป็นอาชีพอันดับต้นๆที่มีการเปิดรับสมัคร เพราะวิศวกรเป็นที่ต้องการในโลกปัจจุบันอย่างมาก เพราะฉะนั้นวิศวกรต้องพัฒนาความสามารถของตัวเอง เพื่อให้สามารถไปแข่งขันกับประเทศอื่นๆได้ทั้งความสามารถทางด้านภาษา และบุคลิก ลักษณะภายนอก ดังต่อไปนี้
1. ภาษาอังกฤษเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกอาชีพ เพราะในปัจจุบันมีการใช้ภาษาอังกฤษอย่างมากมาย ดังนั้นบริษัทต่างๆจึงต้องการคนที่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษหรือภาษาต่างประเทศได้ดี ซึ่งคนที่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี ก็สามารถขออัพเงินเดือนและได้รับการเลื่อนตำแหน่งเร็วกว่า คนที่ไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้
2.บุคลิก ลักษณะภายนอกเป็นสิ่งที่ลูกค้าเห็นเป็นสิ่งแรก ถ้าเราแต่งตัวไม่สุภาพเรียบร้อยไปพบลูกค้า ลูกค้าก็อาจจะเข้าใจผิดได้ว่าเราไม่ให้เกียรติ งานที่เราต้องการก็อาจจะล้มเหลว แต่ถ้าเราแต่งตัวสุภาพ เรียบร้อยและมีการสื่อสารที่ดี สามารถนำเสนอลูกค้าให้เข้าใจงานของเราได้อย่างชัดเจน งานของเราก็จะผ่านไปได้ด้วยดี
เทคนิคข้างต้น วิศวกรทั้งหลายสามารถนำไปใช้ เพื่อเพิ่มทักษะและความสามารถเพื่อที่จะได้งานที่ตรงตามความต้องการ
เทคนิคในการให้ได้งานวิศวกรรมที่ตรงตามความต้องการ
ปัจจุบันอาชีพวิศวกรเป็นอาชีพอันดับต้นๆที่มีการเปิดรับสมัคร เพราะวิศวกรเป็นที่ต้องการในโลกปัจจุบันอย่างมาก เพราะฉะนั้นวิศวกรต้องพัฒนาความสามารถของตัวเอง เพื่อให้สามารถไปแข่งขันกับประเทศอื่นๆได้ทั้งความสามารถทางด้านภาษา และบุคลิก ลักษณะภายนอก ดังต่อไปนี้
1. ภาษาอังกฤษเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกอาชีพ เพราะในปัจจุบันมีการใช้ภาษาอังกฤษอย่างมากมาย ดังนั้นบริษัทต่างๆจึงต้องการคนที่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษหรือภาษาต่างประเทศได้ดี ซึ่งคนที่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี ก็สามารถขออัพเงินเดือนและได้รับการเลื่อนตำแหน่งเร็วกว่า คนที่ไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้
2.บุคลิก ลักษณะภายนอกเป็นสิ่งที่ลูกค้าเห็นเป็นสิ่งแรก ถ้าเราแต่งตัวไม่สุภาพเรียบร้อยไปพบลูกค้า ลูกค้าก็อาจจะเข้าใจผิดได้ว่าเราไม่ให้เกียรติ งานที่เราต้องการก็อาจจะล้มเหลว แต่ถ้าเราแต่งตัวสุภาพ เรียบร้อยและมีการสื่อสารที่ดี สามารถนำเสนอลูกค้าให้เข้าใจงานของเราได้อย่างชัดเจน งานของเราก็จะผ่านไปได้ด้วยดี
เทคนิคข้างต้น วิศวกรทั้งหลายสามารถนำไปใช้ เพื่อเพิ่มทักษะและความสามารถเพื่อที่จะได้งานที่ตรงตามความต้องการ
เทคนิคพิชิตใจลูกน้อง
เทคนิคพิชิตใจลูกน้อง
การทำงานร่วมกัน ระหว่างหัวหน้าและลูกน้อง สิ่งหนึ่งที่สำคัญคือใจ ถ้าหัวหน้าให้ใจกับลูกน้องปฎิบัติกับลูกน้อง เหมือนกับญาติพี่น้องไม่ใช่คนรับใช้ ลูกน้องก็ทำงานได้อย่างไม่อึดอัดและมีประสิทธิภาพ เทคนิคการพิชิตใจ ลูกน้องมีอยู่ 5ข้อด้วยกัน
1.โอกาส
ถ้าลูกน้องทำงานที่รับมอบหมายไม่ได้ ผู้ที่เป็นหัวหน้าต้อง สอบถามว่าทำไมถึงทำไม่ได้ตามเป้าหมายและร่วมกันแก้ปัญหาเพื่อให้ งานบรรลุผลสำเร็จ ไม่ควรจะใช้อารมณ์หรือวางตัวเป็นใหญ่ เพราะผลที่ได้รับกลับมาจะเลวร้าย อาจจะจะส่งผลให้งานล่มเลยก็เป็นได้
2.อภัย
ในการทำงาน ย่อมมีเรื่องผิดพลาดเกิดขึ้นได้เสมอ แม้ว่าคุณจะทำงานมานานแค่ไหน ผู้เป็นหัวหน้าจะต้องไม่ใช่อารมณ์ในการแก้ไขปัญหา ควรจะให้อภัยและแก้ไขปัญหาเพื่อให้งานได้ดำเนินต่อไป ส่งผลดีต่อทั้งหัวหน้าและลูกน้อง
3.ใจ
การให้ใจ ถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในการทำงาน การทำงานจะต้องอุปสรรคไม่ว่าจะมีปัญหามากมายหรือยิ่งใหญ่แค่ไหน หัวหน้าจะต้องให้ใจ ร่วมหัวจมท้ายไปกับลูกน้อง ลูกน้องก็เคารพและงานที่ออกมาก็มีประสิทธิภาพ
4.ให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
การให้โดยไม่คำนึงถึงสิ่งที่จะได้รับตอบกลับมา เป็นการแสดงถึงความมีน้ำใจของหัวหน้า ซึ่งผลที่ได้รับกลับมาคือความเคารพและความไว้วางใจ
5.ความเป็นกันเอง
บรรยากาศในการทำงาน เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้คนทำงาน ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถ้าบรรยากาศในการทำงานเต็มไปด้วยความเป็นกันเอง งานที่ออกมาก็มีประสิทธิภาพ แตกต่างจากบรรยากาศงานที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด งานก็จะช้าและไม่ได้ผลตามที่ตั้งหวังไว้
เทคนิคข้างต้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งในการพิชิตใจลูกน้อง สิ่งสำคัญที่สุดในการที่จะทำให้ลูกน้องเคารพและทำงานอย่างมีประสิทธิภาพคือ การเป็นผู้นำที่ดี แนะนำลูกน้องในทุกๆเรื่อง โดยไม่ทอดทิ้งลูกน้อง
คนที่กำลังหางานอยู่อย่ารอช้าเข้ามาหางานวันนี้คุณจะไม่พลาดโอกาสที่จะได้สมัครงานเป็นหัวหน้าและนำเทคนิคข้างต้นไปใช้ให้เกิดประโยชน์สำหรับนายจ้างที่ต้องการหัวหน้างานที่มีคุณภาพหาคนทำงานกับเราคุณจะได้หัวหน้างานที่นำเทคนิคดีๆที่เรามอบให้ไปใช้ประโยชน์ในการทำงาน
ทำงานอย่างไรให้...ผ่านฉลุย...ไม่มีอุปสรรค
การจะทำงานให้สำเร็จโดยไม่มีอุปสรรคนั้น เป็นเรื่องยาก แต่ถ้าคุณรู้เทคนิคแล้วละก็คุณจะทำงานได้อย่างไม่มีสะดุด ทำได้ง่ายๆมี 3 วิธีดังนั้น
1.ตั้งเป้าหมายในการทำงาน
เป้าหมายในการทำงาน เป็นสิ่งที่คนทำงานทุกคนควรจะต้องมีเพราะถ้าเราไม่มีเป้าหมายในการทำงานเราก็จะไม่รู้ว่าเราทำงานไปเพื่ออะไร เช่น คุณทำงานเกี่ยวกับการขาย คุณก็ต้องตั้งเป้าในการขายให้ได้สูงๆ ยิ่งถ้าคุณทำได้คุณก็จะได้รับรางวัล อาจจะเป็นโบนัส หรือการเลื่อนตำแหน่ง
2.พยายามให้เต็มที่
การเริ่มจากศูนย์เป็นอะไรที่ยาก เพราะต้องพยายามอย่างมากเพื่อให้ผ่านไปได้ แต่เมื่อเราผ่านพ้นช่วงแรกๆมาได้แล้วช่วงที่เหลือต่อไปก็จะง่ายเพราะเราได้ผ่านช่วงที่ยากที่สุดมาแล้วนั้นคือ ช่วงเริ่มต้น เช่น เจ้านายให้งานมาหนึ่งชิ้น ถ้าเราตั้งใจและพยายามทำตั้งแต่ที่ได้รับมอบหมายงาน พอใกล้ถึงวันนำเสนองานเราก็ไม่ต้องนอนดึกๆ เพื่อจะเร่งการทำงานให้ทัน งานที่ได้ก็จะมีประสิทธิภาพ
3.ไม่สนใจสิ่งยั่วยุรอบข้าง
ในระหว่างการทำงาน จะมียิ่งยั่วยุต่างๆเข้ามารบกวนการทำงานของเรา ทั้งเฟสบุ๊ค ไลน์ อินสตาแกรม
ถ้าเราสามารถหยุดการสนใจในสิ่งต่างๆเหล่านั้น เราก็จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เคล็ดไม่ลับสัมภาษณ์งาน เพื่อนักศึกษาจบใหม่
บริษัทต่างๆจะพิจารณาสิ่งดังต่อไปนี้ในการสัมภารณ์งานนักศึกษาจบใหม่
1.เกรดเฉลี่ย
เกรดเฉลี่ยเป็นตัวบ่งบอกได้ว่าเรามีความสามารถ และความรู้ในการศึกษา รวมทั้งเป็นตัวบอกบุคลิกลักษณะ ความชอบ และทักษะที่นำมาใช้ในการทำงานได้เป็นอย่างดี
2.ความสามารถทางด้านการสื่อสารภาษาต่างๆ
ยิ่งเรามีความสามารถในการ พูด อ่าน เขียน และฟัง ในภาษาต่างๆมากเท่าไรบริษัทก็ยิ่งสนใจในตัวเรามากเท่านั้น โดยเฉพาะภาษาสากล คือภาษาอังกฤษ
3.กิจกรรมระหว่างที่ทำการศึกษา
เป็นตัวที่บอกว่าเรามีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมกับผู้อื่นมากแค่ไหน ยิ่งคุณทำกิจกรรมกับผู้อื่นมากแสดงว่าคุณมีความสามารถในการทำงานไม่แพ้กัน
4.บุคลิกภาพ และนิสัย
การทำงานบ้างครั้งต้องใช้คนที่สื่อสารได้เก่ง แต่อีกงานอาจไม่ต้อง เพราะฉะนั้นบริษัทต้องพิจารณา ลักษณะนิสัยให้ตรงกับงาน
5.การรับแรงกดดัน
การทำงานบางครั้งต้องเจอการกดดันจาก หัวหน้าหรือลูกค้า ยิ่งคุณสามารถรับแรงกดดันแล้วผ่านมันไปได้มากเท่าไรคุณ ก็จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและผ่านมันไปได้ด้วยดี
หากคุณเป็นนักศึกษาที่กำลังต้องการหางานอยู่ในขณะนี้ เราขอเสนออีกหนึ่งทางเลือกในการหางาน แทนที่การไปสมัครด้วยตนเองที่บริษัทโดยการใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์มากขึ้นโดยการไปฝากประวัติกับเว็ปไซต์หางานต่างๆ เช่น jobcity.com ในปัจจุบัน บริษัทในต่างประเทศหันมาใช้การรับสมัครบุคลากรผ่านทางเว็บไซต์มากขึ้น ทำให้การได้รับบุคลากรที่มีความสามารถได้จากทั้งประเทศซึ่งทำให้บริษัทหาคนทำงานได้รวดเร็ว และ กระจายความต้องการรับบุคลากรของบริษัทได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย
ก่อนสัมภาษณ์ ทำไงดี ?
หลังจากที่เราผ่านด่านการส่งใบสมัครให้กับบริษัทแล้ว ด่านถัดไปที่เราจะต้องเจอ(คล้ายๆ Last Boss ในเกมเลย) นั่นก็คือ "การสัมภาษณ์งาน" นั่นเอง
ตื่นเต้นๆ . . ทำไงดี มักเกิดขึ้นบ่อยสำหรับผู้มาสัมภาษณ์งาน เราควรเตรียมตัวแบบใดมาดี เชื่อว่าหลายคนมีความกังวลว่า จะเจอคำถามแบบไหนบ้าง วันนี้เรามีเทคนิคการเตรียมตัวเล็กๆน้อยๆที่สามารถช่วยลดการตื่นเต้นเวลาสัมภาษณ์ให้กับคุณได้
เตรียมตัวสัมภาษณ์ . . นั่นคือ การแต่งกายให้เรียบร้อย ไม่ใช่เพื่อให้เกิดความประทับใจกับผู้สัมภาษณ์เท่านั้น ยังเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้สมัครเองด้วย
หัวข้อสัมภาษณ์ . . ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ทำให้ผู้สมัครเกิดความตื่นเต้นเพราะไม่รู้จะเจอคำถามแบบไหนบ้าง ทางที่ดี ควรศึกษาแนวทางการดำเนินงานของบริษัทที่เราต้องการสัมภาษณ์ว่า บริษัทนั้นๆทำธุรกิจอะไร และ ตำแหน่งที่เราต้องการ มีความรับผิดชอบ หรือ หน้าที่อะไรบ้าง
คำแนะนำเพิ่มเติม . . ควรเตรียมคำตอบสำหรับคำถามภาษาอังกฤษไว้ด้วยเนื่องจากบางบริษัทอาจจะสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ และ เวลาตอบคำถามควรสบตากับผู้สัมภาษณ์เนื่องจาก หากมีผู้สัมภาษณ์เกิน 1 คน ผู้สัมภาษณ์จะได้รู้ว่า เรากำลังพูด หรือ ตอบคำถามของใครอยู่ และ ไม่ควรเท้าคาง เนื่องจากจะทำให้เสียบุคลิกภาพ และ ควรนอนให้เต็มอิ่มเนื่องจากจะทำให้สมองปลอดโปร่ง เวลาเจอคำถามที่ไม่คาดคิด จะได้สามารถคิดและหาทางตอบคำถามนั้นได้
หางาน หาคนทำงาน กับ Jobcity.com
7 อาชีพ สำหรับคนเบื่องานประจำ
ความขี้เกลียด มันไม่เข้าใครออกใคร วันนี้มีข้อมูลดีๆ จากกรมแรงงานสหรัฐอเมริกามาฝากค่ะ มีการสำรวจสาขาอาชีพในสหรัฐอเมริกาที่มีแนวโน้มของความเจริญเติบโตเป็นพิเศษ ก็คือ งานที่ออกนอกสถานที่ต่างๆ มีความยืดหนุ่นในเรื่องของเวลา แบบว่าไม่ต้องนั่งอยู่แต่ที่โต๊ะทำงาน นั่งอยู่กับกองเอกสารกองโตๆ หรือพวกที่ชอบทำงานออกไปนอกสถานที่ เบื่อบรรยากาศในออฟฟิต ที่สหรัฐฯ เขาเลยสำรวจความนิยมของคนทำงานมาค่ะ ว่ามี 7 อาชีพ ที่นิยมสำหรับคนเกลียด หรือเบื่องานประจำ มาดูกันเลยค่ะ
1. เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำสำนักงาน ไม่ น่าเชื่อว่าอาชีพนี้จะได้รับความนิยมในสหรัฐฯ ดูจากชื่ออาชีพแล้ว คงดูแลในส่วนของสำนักงานตำรวจ ไม่ได้ออกไปไหน แล้วมันน่าสนใจตรงไหนเนี้ย!! แต่อย่างว่าแหละค่ะ นิยมในหมู่คนขี้เกลียด ในสหรัฐฯ แต่ในประเทศไทยคงไม่ใช่อยากนั้นหรอก ที่จะได้แค่นั่งอยู่ในออฟฟิตอย่างเดียวแน่
2. นักวางแผนอีเวนท์ นิทรรศการ และงานประชุม อาชีพนี้ก็ค่อนข้างที่จะใช้ความคิดเยอะ เนื่องจากเป็นงานที่ต้องใช้ทักษะการวางแผนที่ดี ความรอบครอบ วางแผนแล้วต้องครอบคุม ตรงจุดตามแผนที่วางไว้ แต่..เอ..อาชีพนี้เหมาะสำหรับคนขี้เกลียดได้อย่างไรล่ะ ถ้าให้เดาก็ตรงที่ว่างานนี้ ทำงานเสร็จให้เป็นอย่างๆ อยู่ประจำออฟฟิต ไม่ต้องออกไปไหน ทำหน้าที่วางแผนว่าใครจะทำอะไร ยังไงเท่านั้นเอง
3. นักดับเพลิง ถ้า ผู้ถึงอาชีพนี้ในต่างประเทศเป็นอาชีพที่มีเกียรติมาก ต่างจากประเทศเราที่ไม่ค่อยนิยมเท่าไหร่ อาจจะเกี่ยวกับลักษณะงานหรือเปล่าที่ค่อนข้างเสี่ยงอันตราย และต้องมีการสอบแข่งขัน สอบบรรจุ เลยทำให้ไม่นิยมสำหรับในประเทศไทย แต่ในต่างประเทศกลับเป็นที่นิยมสำหรับหมู่คนขี้เกลียด ก็คงเป็นเพราะไม่ต้องประจำการทั้งวัน นอกจากมีเหตุฉุกเฉิน นานๆจะออกไปเสี่ยงก็เป็นได้
4. พยาบาลห้องฉุกเฉิน อาชีพ นี้ไม่น่าจะเป็นที่นิยมเลยนะ สำหรับกลุ่มคนขี้เกลียด ดูจากอาชีพแล้ว พยาบาลห้องฉุกเฉินค่อนข้างที่จะวุ่นและเหนื่อยน่าดู ไหนจะต้องดูแลคนเจ็บ เจอคนไข้แต่ละคน เข้าห้องฉุกเฉินนี่อาการก็ค่อนข้างสาหัส แล้วทำไมถึงติดอันดับได้เนี้ย
5. ผู้เชี่ยวชาญ/ผู้จัดการด้านการประชาสัมพันธ์ อาชีพ นี้มีหน้าที่ความรับผิดชอบด้านออกแบบและเสนอแคมเปญประชาสัมพันธ์ กำหนดขอบเขต การวางแผน การจัดตารางเวลา และ การจัดโฆษณา ดูแล้วค่อนข้างใช้ความคิดเยอะโน๊ะ แต่ทำไมสหรัฐฯถึงนิยมล่ะ อาจเพราะอาชีพนี้มีความยืดหยุ่นในการทำงานก็ว่าได้ บางทีไม่จำเป็นต้องตามแผนเสมอ อาจมีการพลิกแพงตามสถานการณ์ได้เสมอ แต่ก็ต้องคิดแผนสำรองไว้ด้วยเช่นกัน
6. ผู้รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน พูดถึงอาชีพนี้ก็น่าจะต้องอยู่กับจุดรับแจ้งเหตุฉุกเฉินตลอด หากมีเหตุแจ้งเข้ามาก็ต้องคอยประสานงานกับฝ่ายต่างๆต่อ แล้วทำไมน๊า ในประเทศสหรัฐ อาชีพนี้ถึงติดอันดับ
7. ผู้ที่ให้บริการด้านสุขภาพและการแพทย์ อาชีพนี้ก็เหมือนหมอ ถือว่าต้องเรียนค่อนข้างหนัก แต่ก็เป็นอาชีพที่มีรายได้ค่อนข้างสูง อาชีพนี้ต้องมีความรู้ ความชำนาญเฉพาะ และก็ต้องมีใบประกอบวิชาชีพด้วยนะ อาชีพนี้ทำไมถึงติดอันดับได้ ถ้าให้เดานะ อาชีพนี้เรามักจะพบว่า หมอหรือแพทย์นี้ไม่ต้องทำไรมากเลย ตรวจๆ ถามๆ แล้วก็จัดยาให้ ดูแล้วไม่เห็นทำไรมากเลย ไม่ได้ว่าหมอทุกคนนะค่ะ (เฉพาะหมอไม่มีจรรยาบรรณนะ) หมอดีๆในประเทศไทยเราก็มีเยอะค่ะ ที่เอาใจใส่ดูแลคนไข้ของตัวเองจริงๆ
การเขียน Resume ให้ได้งานที่ต้องการ
บางคนเรียนจบแล้ว และบางคนก็เพิ่งเริ่มต้นกับการหางานทำ ทั้งนักศึกษาจบใหม่ คนทำงานที่เบื่องานที่ตัวเองทำอยู่ ดังนั้นสิ่งที่ช่วยให้พวกเขาเหล่านั้นได้งานนั้นจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ และ Resume คือสิ่งนั้น Resume ที่เราส่งไปให้บริษัทต่างๆนั้นก็เสมือนกับ สิ่งแรกที่บริษัทจะพิจารณาว่าจะรับเราเข้าทำงาน หรือไม่รับ
Resume หรือ ประวัติส่วนตัว ที่ตั้งใจทำมาอย่างดี จะช่วยให้คุณมีโอกาสได้รับงานมากยิ่งขึ้น ประวัติส่วนตัวที่คุณตั้งใจทำ ตั้งใจที่จะนำเสนอตัวคุณเอง จะสร้างความน่าสนใจให้แก่ผู้จ้างงาน ทำให้ผู้จ้างงานอยากพบปะเจ้าของประวัติส่วนตัวนั้น และสิ่งนี้เองที่ทำให้คุณมีโอกาสสูงในการได้ถูกเรียกตัวไปสัมภาษณ์งาน
การเขียน Resume
Resume นั้นมีความหมายว่า “ประวัติย่อ” หรือ ประวัติส่วนตัวสั้นๆนั่นเอง โดยเนื้อหาใน Resume นั้นจะเน้นแสดงความเป็นมา และ คุณสมบัติของผู้สมัคร จะประกอบไปด้วย
-ข้อมูลส่วนตัว ประกอบไปด้วย ชื่อ-นามสกุล เบอร์โทรศัพท์บ้าน เบอร์โทรศัพท์มือถือ อีเมล์ ที่อยู่ รูปถ่าย โดย
ส่วนนี้จะอยู่บนสุด
-ข้อมูลการศึกษา ประกอบไปด้วย ชื่อสถาบัน คณะ สาขาที่จบการศึกษา และเกรดเฉลี่ย โดยให้เริ่มจากการศึกษาสูงสุด โดยเรียงตามปีที่จบล่าสุด
-ประสบการณ์ในการทำงาน ประกอบไปด้วย บริษัทที่เคยทำงานมาตั้งแต่เรียนจบ หรือถ้าไม่มีก็อาจจะใส่กิจกรรมที่ทำในระหว่างการศึกษา สำหรับคนเพิ่งจบใหม่
-ความสามารถต่างๆ ทักษะต่างๆที่สามารถใช้งานได้จริง สิ่งที่ควรระบุคือ การใช้ภาษาต่างประเทศ สามารถพูดได้ดีแค่ไหนเช่น ดีมาก ดี ปานกลาง น้อย ทักษะการใช้คอมพิวเตอร์ ใช้โปรแกรมอะไรได้บ้าง เช่น Word Excel Autocad Photoshop
ต้องการหางานกับบริษัทที่กำลังหาคนทำงานหรือกำลังเปิดรับสมัครบุคลากร สามารถเข้าไปดูได้ตามเว็บไซต์หางานต่างๆ เช่น jobcity.com
เทคนิคการเขียนจดหมายสมัครงานให้ดึงดูดใจ HR
ในการสมัครงานการเขียนจดหมายสมัครงานนับเป็นจุดเริ่มต้นในการสมัครงานเพราะสิ่งแรกที่ HR จะเห็นก็คือใบสมัครนั่นเอง
จดหมายแนะนำตัว หรือ จดหมายสมัครงาน เป็นจดหมายที่เขียนแบบเป็นทางการโดยจะมี ชื่อ ที่อยู่ของผู้ที่ต้องการสมัคร วันที่ และ ชื่อหรือตำแหน่งของผู้ที่มีอำนาจในการพิจารณาใบสมัครนั้นๆ
เนื้อหาของจดหมายควรมีความยาวไม่เกิน 1 หน้า โดยแสดงเจตจำนงว่าต้องการสมัครในตำแหน่งใด
การเขียนจดหมายสมัครงาน
จดหมายสมัครงาน หรือ Application Letter เป็นจดหมายที่เขียนขึ้นคร่าวๆ เพื่อแนะนำตัวเองเมื่อเราส่ง Resume และ เอกสารสมัครงาน(อาจจะมีเอกสารอื่นด้วยขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัท) ไปยังบริษัท ซึ่งมักจะประกอบไปด้วย
จดหมายแนะนำตัว หรือ จดหมายสมัครงาน เป็นจดหมายที่เขียนแบบเป็นทางการโดยจะมี ชื่อ ที่อยู่ของผู้ที่ต้องการสมัคร วันที่ และ ชื่อหรือตำแหน่งของผู้ที่มีอำนาจในการพิจารณาใบสมัครนั้นๆ
เนื้อหาของจดหมายควรมีความยาวไม่เกิน 1 หน้า โดยแสดงเจตจำนงว่าต้องการสมัครในตำแหน่งใด
การเขียนจดหมายสมัครงาน
จดหมายสมัครงาน หรือ Application Letter เป็นจดหมายที่เขียนขึ้นคร่าวๆ เพื่อแนะนำตัวเองเมื่อเราส่ง Resume และ เอกสารสมัครงาน(อาจจะมีเอกสารอื่นด้วยขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัท) ไปยังบริษัท ซึ่งมักจะประกอบไปด้วย
- ที่อยู่ ของผู้เขียน
- วัน เดือน ปี ที่ได้เขียนจดหมาย
- เรื่อง แสดงวัตถุประสงค์ว่าต้องการส่งไปหาผู้รับด้วยวัตถุประสงค์ใด
- เรียน ผู้รับ อาจจะระบุไปด้วยว่า ผู้รับอยู่ในตำแหน่งใด
- เนื้อหา เป็นส่วนสำคัญที่สุดในการเขียนจดหมายสมัครงาน ควรจะเขียนให้สั้น กระชับ และเขียนเฉพาะวัตถุประสงค์หลักๆ เช่น เราพบประกาศรับสมัครงานของบริษัทนี้จากที่ใด เวลาใด และต้องการสมัครงานในตำแหน่งใด เป็นต้น จากนั้นตามด้วยเอกสารที่เราได้แนบไปให้บริษัทพร้อมความคาดหวังในการเข้ารับสัมภาษณ์
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)