หางาน

ฝึกภาษาเพื่อเพิ่มโอกาสในการได้งานที่ต้องการ

 
ต้องยอมรับว่าในปัจจุบันการใช้ภาษาอังกฤษและภาษาต่างประเทศอื่นๆเป็นสิ่งสำคัญทุกสาขาอาชีพไม่ว่าจะเป็นวิศวกรหรือแม้กระทั่งพนักงานขายของก็จำเป็นต้องเรียนรู้ภาษาต่างประเทศเอาไว้บ้างเพราะว่าการที่เรารู้ภาษาต่างประเทศทำให้เราได้เปรียบคนอื่นๆในการหางานทำและการทำงานเพราะเรามีความสามารถพิเศษติดต่อก็คือการสื่อสารกับคนต่างประเทศโดยเฉพาะการทำงานในบริษัทต่างชาติการสื่อสารภาษาอังกฤษก็เป็นพื้นฐานในการพิจารณารับคนเข้าทำงานของบริษัทซึ่งบริษัทเหล่านี้ให้ค่าตอบแทนที่ดีและเป็นงานในฝันของใครหลายๆคนเพราะเรามีโอกาสที่จะได้เดินทางไปต่างประเทศฟรีๆโดยไม่เสียตังแม้แต่บาทเดียว

การฝึกฝนภาษาต่างประเทศไม่ใช่เรื่องยากก่อนอื่นเราต้องตั้งใจและมุ่งมั่นเสียก่อนต้องมีวินัยในการฝึกฝนไม่ใช่ฝึกไปวันสองวันก็ล้มเลิกเพราะว่าความอดทนเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการฝึกภาษาเพราะกว่าเราจะเข้าใจภาษาเราอาจจะต้องใช้เวลาในการฝึกฝนอยู่นานเพื่อให้เข้าใจเหมือนภาษาบ้านเกิดของเราซึ่งต้องยอมรับเลยว่าผลที่ได้รับนั้นคุ้มค่าคุ้มกับเวลาและความอดทนที่เราสูญเสียไปอย่างแน่นอนเริ่มแรกเราอาจจะเริ่มฝึกจากพื้นฐานที่สุดก็คือการท่องตัวอักษร ABC จากนั้นค่อยๆฝึกฝนให้ยากขึ้นวิธีที่ดีที่สุดในการฝึกภาษาคือการฝึกพูดเพราะการฝึกเขียนอย่างเดียวไม่เพียงพอการฝึกพูดจะช่วยให้เราเข้าใจคำต่างๆเหล่านั้นได้ง่ายยิ่งขึ้นการดูภาพยนต์ที่มีการพากย์เป็นภาษาอังกฤษและมีซับไตเติ้ลเป็นภาษาไทยก็ช่วยให้เราฝึกการฟังให้ดียิ่งขึ้นการฝึกแปลคำที่เราไม่เคยรู้มาก็เป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันเช่นเราเจอคำที่ไม่ทราบความหมายเราอาจจะหาความหมายเราดิกชันนารีและก็จดบันทึกความหมายของคำนั้นไว้

การฝึกภาษาเพื่อการทำงานเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในปัจจุบันเพราะประเทศของเราจะมีการเปิด AEC ในอีกไม่นานถ้าเราไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษหรือภาษาอื่นๆนอกเหนือภาษาตัวเองได้ก็จะทำให้เราลำบากในการหางานทำเพราะประเทศอื่นๆนั้นมีพื้นฐานภาษาที่ดีกว่าเราเราจึงจำเป็นต้องพัฒนาตัวเองเพื่อให้แข่งขันกับต่างชาติให้ได้เพราะการสื่อสารภาษาอังกฤษได้นั้นไม่ได้ใช้เพียงแค่การทำงานยังสามารถใช้ในชีวิตประจำวันได้อีกด้วยเช่นเราเจอคนต่างชาติที่หลงทางเราสามารถสื่อสารเพื่อช่วยเหลือชาวต่างชาตินั้นๆได้เป็นต้น

หากเราไม่มั่นใจว่าเราสามารถฝึกฝนภาษาต่างประเทศได้ด้วยตัวเองได้เราก็สามารถใช้บริการครูสอนภาษาซึ่งมีอยู่มากมายขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการเรียนรู้ในระดับไหนถ้าเราต้องการอ่านออกเขียนได้ราคาก็อาจจะถูกหน่อยแต่ถ้าเราต้องให้ตัวเองเชี่ยวชาญเราอาจจะจ้างเจ้าของภาษาให้มาสอนเราโดยตรงขึ้นอยู่กับความต้องการในการนำไปใช้ของตัวเราเอง

สุดท้ายนี้เราต้องยอมรับว่าภาษาต่างประเทศเป้นสิ่งที่ทุกคนต้องเรียนรู้ในปัจจุบันเพราะถ้าเราไม่เก่งภาษาต่างประเทศเราก็จะไม่สามารถไปแข่งกับคนอื่นๆได้ยิ่งถ้าเปิด AEC ก็ยิ่งทำให้เราเสียเปรียบมากยิ่งขึ้นเพราะจะมีคนต่างประเทศเข้ามาแย่งตำแหน่งงานของเรามากขึ้นเพราะฉะนั้นต้องมั่นฝึกฝนตัวเองอยู่เสมอเพื่อให้แข่งขันกับคนอื่นๆได้

เตรียมตัวก่อนสอบข้อเขียน

 
บริษัทขนาดใหญ่ที่เปิดรับพนักงานมาก ซึ่งตำแหน่งที่เปิดรับนั้นไม่เพียงพอต่อผู้สมัครงานดังนั้นบริษัทจึงเปิดให้มีการสอบข้อเขียนขึ้นเพื่อคัดเลือกพนักงานที่เหมาะสมโดยปกติแล้วสำหรับเด็กจบใหม่หรือระดับพนักงานทั่วไปก็จะจัดสอบข้อสอบที่วัดไหวพริบและการตัดสินใจของผู้สมัครส่วนสำหรับผู้บริหารหรือตำแหน่งงานที่มีความสำคัญสูงก็จะจัดสอบวัดก็การแก้ปัญหาการจัดการความคิดเป็นต้นข้อสอบโดยทั่วไปที่นิยมจัดเป็นข้อสอบข้อเขียนในการสมัครงานนั้นแบ่งออกเป็น 3 ประเภทคือ

1.ด้านจิตใจ
2.ความสามารถและทักษะ
3. บุคลิกภาพ

ด้านจิตใจ
นิยมใช้ในการจัดสอบคัดเลือกผู้สมัคร ตำแหน่งงานที่มีผู้ต้องการสมัครจำนวนมากเป็นการทดสอบวัดความรู้ความสามารถในการเรียนรู้สิ่งต่างๆวัดไหวพริบในการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นโดยส่วนใหญ่จะเป็นคำถามที่ให้เลือกคำตอบซึ่งมีคำตอบที่ถูกเพียงข้อเดียว

ความสามารถและทักษะ
การทดสอบการใช้ภาษาต่างประเทศและทักษะการใช้คอมพิวเตอร์และความสามารถที่จำเป็นต่อตำแหน่งงานที่เปิดรับโดยอาจจะเป็นการทดสอบการเขียนภาษาอังกฤษเพื่อดูว่าผู้สมัครมีความคิดอย่างไรต่อองค์กรเป็นภาษาอังกฤษซึ่งถ้าผู้สมัครคนไหนเขียนได้ถูกและมีเนื้อหาที่อ่านง่ายและชัดเจนก็จะได้รับเลือกเข้าทำงาน ทดสอบการใช้คอมพิวเตอร์เช่นตำแหน่งงานโปรแกรมเมอร์อาจจะใช้การทดสอบเขียนโปรแกรมง่ายๆขึ้นมาโปรแกรมหนึ่งโดยมีเวลาที่จำกัดซึ่งก่อนที่เราจะไปรับการทดสอบเราก็ต้อง
เตรียมตัวให้พร้อมก่อนที่จะไปรับการทดสอบเพื่อให้เกิดความเคยชินและทำการทดสอบได้ออกมาดี

บุคลิกภาพ
เป็นการทดสอบว่าเราสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้หรือไม่เป็นเวลาที่บริษัทได้รู้ว่าเราเป็นคนยังไงนิสัยเป็นยังไงเหมาะสมกับตำแหน่งงานหรือไม่ซึ่งสิ่งที่เป็นพื้นฐานที่สุดคือต้องรู้จักกาลเทศะทั้งการแต่งตัวและการสื่อสารการใช้คำพูดทุกๆอย่างสามารถบอกได้ว่าเราเหมาะสมกับตำแหน่งงานนั้นหรือไม่

เมื่อเราไปสมัครงานเราอาจจะต้องเจอกับการทดสอบทั้งสามอย่างข้างต้นขึ้นอยู่กับบริษัทและตำแหน่งงานที่เราไปสมัครโดยการทดสอบข้างต้นเป็นตัวที่บริษัทจะใช้เป็นตัวเลือกในการตัดสินใจว่าจะรับเราเข้าทำงานหรือไม่สุดท้ายนี้ก่อนที่เราจะไปสมัครงานเราควรถาม HR หรือฝ่ายบุคคลว่ามีการทดสอบอะไรหรือไม่เพื่อเป็นการเตรียมตัวก่อนการทดสอบ

ข้อควรระวังในการเขียนใบสมัครงาน

สิ่งที่สำคัญเป็นอันดับต้นๆในการสมัครงานก็คงหนีไม่พ้นใบสมัครงาน ถ้าเราเข้าใจวิธีการในการเขียนใบสมัครเขียนใบสมัครให้มีความน่าสนใจจะทำให้เรามีโอกาสในการผ่านการคัดเลือกเพื่อเข้าไปสัมภาษณ์งานและได้งานทำในที่สุด
 
ในปัจจุบันใบสมัครงานไม่น้อยที่ถูกปฎิเสธ เพราะไม่ผ่านการพิจารณาจากนายจ้าง ส่วนหนึ่งเพราะขาดคุณสมบัติที่บริษัทต้องการ แต่ถ้าใบสมัครถูกปฎิเสธทั้งๆที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมแล้วแสดงว่าใบสมัครนั้นเขียนข้อมูลไม่ครบถ้วนหรือเป็นเพราะลายมือที่อ่านยากทำให้นายจ้างไม่เข้าใจคุณสมบัติที่แน่นอนว่าเหมาะสมกับงานหรือไม่หรือเข้าใจผิดว่าคุณสมบัติไม่เหมาะสมทั้งๆที่มีคุณสมบัติเพียงพอ

การป้องกันไม่ให้เราถูกปฎิเสธใบสมัครงานถ้าเรามั่นใจว่าคุณสมบัติของเราตรงตามความต้องของบริษัทมีดังต่อไปนี้

ลายมือที่เขียนในสมัคร
ถ้าเป็นสมัครงานผ่านทางอินเทอร์เน็ตเช่นการส่งอีเมล์สมัครงานเป็นต้นซึ่งสามารถหลีกเลี่ยงในการใช้ลายมือของเราเขียนได้แต่ถ้าเป็นการเขียนใบสมัครไม่มีโอกาสที่เราจะปฎิเสธได้ยกเว้นบางบริษัทที่ให้กรอกใบสมัครบนคอมพิวเตอร์

สิ่งที่เราต้องระวังในการใช้ลายมือเขียนใบสมัคร
-เขียนลายมือให้คนอื่นอ่านออกปกติเราจะเคยชินกับการเขียนให้เร็วทั้งการเรียนและการจดบันทึกแต่การเขียนใบสมัครงานนั้นต่างกันเพราะการเรียนและการจดบันทึกเป็นสิ่งที่เราใช้อ่านคนเดียวซึ่งสามารถเขียนยังไงก็ได้เพื่อให้เราอ่านออกแต่ในใบสมัครงานเราจำเป็นต้องปรับลายมือให้คนอื่นอ่านออกเพื่อไม่ให้เข้าใจข้อมูลที่เราเขียนผิดไปซึ่งผลเสียจะตกมาอยู่กับเรา

-ตั้งใจในการเขียนใบสมัครเพราะการเขียนใบสมัครต้องมีความรอบคอบสูงถ้าเกิดเขียนอะไรผิดพลาดลงไปในใบสมัครอาจจะทำให้เราเสียโอกาสในการได้รับเลือกเข้าทำงานเช่นเราเขียนเบอร์ติดต่อกลับผิดแค่ตัวเดียวบริษัทก็ไม่สามารถติดต่อกลับมาแจ้งเราได้แล้วว่าเราได้รับเลือกเขาทำงานหรือไม่เป็นต้นอีกทั้งการตั้งใจในการทำบางสิ่งถึงแม้สิ่งนั้นไม่ใช่สิ่งที่สำคัญแต่มันแสดงออกถึงว่าเราสามารถทำสิ่งที่ใหญ่กว่าอย่างตั้งใจเป็นการแสดงออกที่ทำให้นายจ้างประทับใจ

-เวลาเขียนใบสมัคร เราไม่จำเป็นต้องรีบมากเพราะเราไม่ได้แข่งขันเขียนใบสมัครกับใครเพราะถ้าเรารีบอาจจะทำให้เราเขียนอะไรผิดพลาดและตกหล่นไปได้ถ้าเกิดเขียนอะไรผิดพลาดขึ้นมาก็ต้องมาลบซึ่งทำให้ใบสมัครงานของเราดูไม่เรียบร้อยซึ่งแสดงถึงความไม่ตั้งใจของเจ้าของใบสมัครต่อนายจ้าง

ความละเอียดในการเขียนใบสมัคร
สิ่งสำคัญในการเขียนใบสมัครอีกอย่างหนึ่งคือต้องไม่เขียนเรื่องโกหกเพราะถ้าเราเกิดถูกตรวจสอบเราจะมีความผิดฐานปลอมแปลงเอกสารถ้าเราไม่มั่นใจว่าคุณสมบัติของเราผ่านเกณฑ์ที่บริษัทต้องการหรือเราอาจจะโทรไปสอบถามกับ HR ก่อนที่จะเขียนใบสมัคร การเขียนใบสมัครทุกคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องงานเพียงแค่กรอกข้อมูลลงไปก็เสร็จแต่ความจริงแล้วการเขียนใบสมัครมีอะไรมากกว่านั้นเพราะฉะนั้นก่อนที่จะเขียนใบสมัครเราควรอ่านใบสมัครให้รอบคอบเสียก่อนซึ่งบางบริษัทจะมีคำสั่งที่เขียนไว้ในหน้าสุดท้ายซึ่งคนส่วนใหญ่จะไม่อ่านกันทำให้พลาดโอกาสไปอย่างน่าเสียดายเช่นบางบริษัทอาจจะมีคำสั่งให้เขียนข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษแต่เราไม่ได้อ่านเราจึงเขียนภาษาไทยไปเมื่อใบสมัครไปถึงบริษัทจึงถูกปฎิเสธเพราะไม่ทำตามเงื่อนไขที่บริษัทกำหนดไว้เป็นต้น

สัมภาษณ์งาน
การที่เราได้เข้าไปสัมภาษณ์งานนั้นเป็นสิ่งที่บอกว่าบริษัทสนใจในใบสมัครงานของเราในระดับหนึ่งทำให้เราถูกเรียกไปสัมภาษณ์งานซึ่งการสัมภาษณ์งานเป็นด่านสุดท้ายก่อนที่เราจะได้รับเลือกเข้าทำงานแม้ว่าใบสมัครเราจะดีเริศหรูแค่ไหนถ้าเราไม่ผ่านก็สัมภาษณ์งานก็เท่ากับว่าเราเสียเวลาเปล่าเพราะฉะนั้นก่อนที่เราจะเข้าไปสัมภาษณ์งานเราควรจะเอาใบสมัครมาอ่านทบทวนอีกทีเพื่อให้ข้อมูลที่เรานำเสนอนั้นตรงกับในใบสมัครและเพื่อป้องกันการพูดผิดพูดถูกควรฝึกพูดคนเดียวไว้ด้วย
ผู้สมัครงานบางคนมีคุณสมบัติไม่ตรงตามความต้องการของบริษัทแต่กลับได้รับเลือกเข้าทำงานไม่ใช่เพราะว่าใช้เส้นสายแต่เพราะใบสมัครที่ดีมีความละเอียดรอบคอบในการจัดทำทำให้บริษัทสนใจในตัวเจ้าของใบสมัครเพราะฉะนั้นถ้าเราเขียนใบสมัครดีก็ทำให้เรามีโอกาสสูงในการได้รับเลือกเข้าทำงาน


การติดต่อ HR ทางโทรศัพท์เพื่อฟังรายละเอียดงาน

 
การสมัครงานมีอยู่หลากหลายขั้นตอนแต่ขั้นตอนแรกๆเลยคือการโทรไปติดต่อสอบทราบตำแหน่งงานที่ลงประกาศรับสมัครกับ HR หรือฝ่ายบุคคลนั้นเองเพราะก่อนที่เราจะตัดสินใจสมัครงานหรือเลือกงานใดๆเราก็ต้องรู้รายละเอียดงานที่เราต้องทำก่อนว่าเป็นงานประเภทใดทำงานเกี่ยวกับอะไรบ้างเพื่อให้เป้นตัวประกอบในการตัดสินใจเลือกงานนั้นๆ

การติดต่อสอบถามข้อมูลตำแหน่งงานมีอยู่หลากหลายช่องทางทั้งทางโทรศัพท์ อีเมล์หรือการเดินเข้าไปที่บริษัทโดยตรง แต่วิธีที่ดีที่สุดคือการติดต่อทางโทรศัพท์เพราะการติดต่อทาง อีเมล์อาจจะทำให้ได้รายละเอียดที่เราต้องการไม่ครบถ้วนหรือเข้าใจผิดในรายละเอียดที่สำคัญ การเข้าไปติดต่อกับบริษัทโดยตรงก็เป็นอีกวิธีที่ดีแต่มีข้อเสียคือต้องเสียค่าเดินทางถ้าบริษัทอยู่ไม่ไกลจากที่พักเราก็สามารถจะใช้วิธีนี้ได้ฉะนั้นวิธีการติดต่อทางโทรศัพท์จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการติดต่อสอบถามข้อมูลตำแหน่งงาน

การติดต่อ HR ทางโทรศัพท์เราจำเป็นอย่างมากที่ต้องใช้ภาษาที่สุภาพและเป็นทางการในการสื่อสารเพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกันโดยเฉพาะเรื่องรายละเอียดงานที่เราต้องทำและเรื่องค่าตอบแทนที่จะได้รับถึงแม้การคุยปากเปล่าจะไม่มีผลอะไรแต่ก็เป็นตัวช่วยในการตัดสินใจในขั้นต้นของเราบางครั้ง HR อาจจะใช้ภาษาที่ไม่สุภาพเราก็จำเป็นต้องควบคุมอารมณ์ให้ดีเพื่อไม่ให้เสียภาพลักษณ์เพราะเราจำเป็นต้องได้รายละเอียดข้อมูลจาก HR 

การสนทนาระหว่างเรากับ HR ควรพูดแต่ในประเด็นที่สำคัญไม่ควรพูดออกนอกเรื่องเพราะ HR อาจจะไม่ได้รอรับสายแค่เราคนเดียวควรรีบถามในประเด็นที่เราต้องการจะทราบและต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมจาก HR เราอาจจะใช้วิธีการเดินทางเข้าสอบถามเพิ่มเติมด้วยตัวเองที่บริษัทเพื่อยืนยันข้อตกลงที่เราได้คุย HR ไว้ก่อนหน้านี้

เมื่อเราได้รายละเอียดไปแล้วถึงแม้เราจะไม่สนใจงานในตำแหน่งนี้ก็ไม่ควรรีบวางหูทันทีควรกล่าว
ขอบคุณ HR ที่สละเวลามาให้ข้อมูลกับเราอย่างสุภาพและนอบน้อมเพราะเราไม่รู้แน่ว่าในอนาคตเราอาจจะต้องเพิ่ง HR คนนี้อีกหรือไม่ก็ควรผูกมิตรไว้ สุดท้ายนี้ถึงแม้การติดต่อทางโทรศัพท์จะเป็นวิธีที่ดีที่สุดแต่เราก็ควรเข้าไปติดต่อกับบริษัทโดยตรงเพื่อดูสัญญาและข้อตกลงที่เป็นลายลักอักษรและควรตรวจสอบให้ละเอียดเพื่อไม่ใหเสียผลประโยชน์ในภายหลัง

อะไรที่บอกถึงความพร้อมในการทำงานของตัวเรา

 
การทำงานไม่ว่าจะงานอะไรต้องมีความพร้อมในการทำงานอยู่เสมอเพราะถ้าเราไม่พร้อมทำงานงานที่เราทำลงไปก็จะออกไม่ดีทำที่ควรคนทำงานในปัจจุบันไม่ค่อยจะมีความพร้อมในการทำงานเนื่องด้วยจากหลายสาเหตุทั้ง ทำงานไม่ทันเวลา มาทำงานสาย เป็นต้นสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นตัวบอกว่าคุณไม่มีความพร้อมในการทำงานซึ่งเป็นสิ่งที่คนทำงานไม่ควรปฏิบัติเพราะจะส่งผลต่อตำแหน่งหน้าที่การงานของคนทำงานโดยตรงในทางกลับกันถ้าเราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มาทำงานตรงเวลา ทำงานที่ได้รับมอบหมายได้เสร็จตรงตามกำหนด นั้นแสดงว่าเรามีความพร้อมในการทำงาน

สิ่งที่บ่งบอกถึงความพร้อมในการทำงานของเรามีดังต่อไปนี้

บุคลิกภาพในวันสัมภาษณ์
ในการสัมภาษณ์งานผู้สัมภาษณ์จะสังเกตุบุคลิกภาพว่าเราเป็นคนยังไงไม่ใช่เพียงแต่ข้อมูลในใบสมัครเพราะบริษัทจำเป็นต้องเลือกคนที่เหมาะสมกับตำแหน่งงานมากที่สุดเพื่อให้คุ้มกับค่าจ้างถึงแม้ในใบสมัครเราจะมีประวัติที่สวยหรูแต่ถ้าผู้สัมภาษณ์พบกับเราแล้วไม่ชอบบุคลิกภาพของเราเราก็ไม่ได้รับเลือกเข้าทำงานอยู่ดี

การแต่งกายให้เหมาะสม
การแต่งกายเป็นตัวที่บอกได้เลยว่าเราเป็นคนยังไงพร้อมกับการทำงานหรือไม่เราต้องรู้จักกาลเทศะว่าที่แบบนี้ควรแต่งตัวยังไงมาทำงานควรแต่งตัวยังไงเพราะถ้าเราแต่งตัวไม่เหมาะสมแล้วไปพบกับลูกค้า ลูกค้าก็อาจจะว่าเราได้ว่าเราไม่ให้เกียรติลูกค้าอาจจะทำให้เราเสียงานใหญ่

การแสดงออกทางท่าทาง
การแสดงออกทางท่าทางเป็นสิ่งที่แสดงออกถึงความเป็นตัวตนของเราถ้าเราแสดงออกมาให้คนอื่นประทับใจเราก็ไม่ต้องกังวลอะไรแต่ถ้าเมื่อไหร่เรารู้ตัวว่ากำลังแสดงท่าทางที่ไม่ดีเราก็ควรบอกกับตัวเองเสมอว่าสิ่งที่ได้กลับมานั้นไม่คุ้มที่เสียไป

คำพูดคำจา
การพูดจาต้องมีการระวังคำพูดถึงแม้จะพูดกับคนสนิทก็ตามเพราะเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าคนเหล่านั้นชอบอะไรและไม่ชอบอะไรถ้าเกิดเราพูดผิดหูละก็อาจจะส่งผลที่ไม่ดีตามมาในภายหลังก็ได้

การแสดงออกถึงความพร้อม
ความพร้อมนั้นมีอยู่หลากหลายเรื่องทั้งความพร้อมในการทำงานคือการมาทำงานให้ตรงเวลา การทำงานที่ได้รับมอบหมายสำเร็จลุล่วงได้ตรงตามเวลา เป็นต้น

สุดท้ายนี้ความพร้อมในการทำงานไม่ใช่มีเพียงเรื่องข้างต้นเพราะยังมีเรื่องต่างๆอีกมากมายที่บ่งบอกถึงความพร้อมในการทำงานของเราเมื่อเรามีความพร้อมในการทำงานแล้วเราก็ไม่ต้องกลัวอะไรอีกต่อไปเพราะเราก็พร้อมจะทำงานได้เต็มที่แล้ว

อะไรที่บอกว่าเราควรออกจากงาน

คนที่จะได้ทำงานที่ตัวเองชอบตัวเองรักและอยากทำไม่ใช่ทุกคนที่จะได้ดั่งหวังเสมอไปเพราะบางครั้งเราก็ต้องเลือกอย่างอื่นที่สำคัญมากกว่าสิ่งที่ตัวเองรักแต่เมื่อถ้าเราทำงานนั้นๆไปแล้วเราทำได้ไม่ดีก็ถึงเวลาที่เราต้องเปลี่ยนงานและอะไรคือสิ่งที่บ่งบอกว่าเราควรเปลี่ยนงานบ้างละวันนี้เราจะมาบอกสิ่งที่เป้นตัวบ่งบอกว่าเราควรเปลี่ยนซึ่งมีดังนี้
1.ไม่มีอะไรที่ทำให้เราได้เรียนรู้
การทำงานต้องมีการพัฒนาอยู่เสมอเมื่อเรารู้สึกว่างานที่ทำอยู่เป็นงานที่ย้ำอยู่กับที่ไม่ช่วยให้เราพัฒนาทักษะหรือความสามารถอะไรเลยก็ตามเราก็ควรจะหางานใหม่ที่ช่วยให้เราได้พัฒนาทักษะและความสามารถ

2.ใช้ความสามารถได้ไม่เต็มที่
ในการทำงานเมื่อเรารู้ตัวว่างานที่ทำนั้นแทบไม่ได้ใช้ความสามารถที่เราเรียนรู้มาเลยเราก็ควรจะเปลี่ยนงานเพราะเมื่อเราไม่ได้ใช้ความสามารถที่เรามีเราก็ลืมเลือนสิ่งเหล่านั้นไปนั้นไม่ใช้ผลดีการที่เราหางานที่เหมาะสมกับความสามารถของเราจริงเป็นสิ่งสำคัญ

3.ไม่ชอบบรรยากาศในการทำงาน
การทำงานมีอยู่หลากหลายรูปแบบแตกต่างกันไปตามหน้าที่และบริษัทเมื่อเราทำงานไปเรื่อยๆแล้วเริ่มรู้สึกว่าบรรยากาศในการทำงานไม่เหมาะกับเราเช่นเราชอบอิสระแต่งานที่ทำมีคนมาบังคับทำให้เราทำงานได้ไม่เต็มที่ก็ถึงเวลาที่เราต้องหางานใหม่

4.วัฒนธรรมของบริษัท
เมื่อเราเข้าไปเป็นลูกจ้างเราก็ต้องปฏิบัติตามกฎของบริษัทไม่ว่าบริษัทให้ทำอะไรเราก็ต้องทำไม่เช่นนั้นก็จะถูกไล่ออก เมื่อเราไม่สามารถปฏิบัติตามกฎเหล่านั้นเราก็ควรหางานใหม่ที่เหมาะสมกับเรา

5.เครียดกับการทำงาน
ความเครียดในการทำงานเป้นเรื่องสำคัญอันดับต้นๆเมื่อเราทำงานไปแล้วเกิดความเครียดทำให้เราเสียสุขภาพเราก็ควรหาเหตุผลว่าทำไมเราถึงเครียดควรแก้ปัญหาอย่างไรถ้าเราแก้ปัญหานั้นไม่ได้เราก็ควรเปลี่ยนงานเพื่อให้ความเครียดน้อยลง

6.บริษัทกำลังล้มละลาย
ล้มละลายเป้นเรื่องที่พนักงานทุกคนไม่อยากให้เกิดขึ้นเพราะจะส่งผลต่อพนักงานโดยตรงทางที่ดีเราควรศึกษาก่อนว่าบริษัทมีฐานะอย่างไรก่อนที่เราจะสมัครเข้าไปทำงาน

7.เจ้านายไม่ทำหน้าที่
ในหลายๆองค์กรเจ้านายมีทั้งดีและไม่ดีถ้าเกิดเราเจอเจ้านายที่ดีก็ดีไปแต่ถ้าเจอเจ้านายที่ไม่ทำงานแต่เอาแต่สั่งงานลูกน้องซึ่งบางคนทำให้ส่งผลต่อการทำงานจนต้องเปลี่ยนงานใหม่

8. เวลาในการทำงาน
เวลาในการทำงานสำหรับคนที่มีครอบครัวต้องคิดให้ดีก่อนว่าเราเหมาะสมกับการทำงานประเภทไหนเพราะเวลาในการทำงานกับเวลาให้กับครอบครัวต้องแบ่งแยกให้ชัดเจนต้องไม่เกิดปัญหาทางที่ดีถ้าเรารู้ว่าบริษัททำงานเลิกดึกก็ควรหาบริษัทใหม่ที่ทำงานเลิกไม่ดึกมาก

9.งานเยอะแต่เงินเดือนเท่าเดิม
ถือว่าเป้นปัญหาที่ทำให้คนออกจากงานมากที่สุดเพราะถ้าเราทำงานต่อไปอาจจะส่งผลเสียให้ถูกเลิกจ้างและเสียผลประโยชน์อย่างแน่นอน

10.สิ้นหวังในการทำงาน
การขาดกำลังใจในการทำงานเกิดจากหลายสาเหตุทั้งการทำงานหนักจนเกินไปหรือทำงานแล้วไม่มีความสุขไม่ใช่งานที่ตัวเองชอบการลาออกจากงานจึงเป้นทางเลือกที่ดีกว่า

ก่อนที่เราจะออกจากงานเราต้องมั่นใจว่าจะไม่เกิดผลกระทบภายหลังถ้าเรายังจำเป็นต้องจ่ายค่าสิ่งต่างๆเราก้ควรหางานใหม่ให้เร็วที่สุดหรือรอจนกว่าจะมีรายจ่ายที่น้อยลงจึงออกจากงาน

เทคนิคสำหรับผู้สูงอายุที่ต้องสัมภาษณ์งาน

ผู้สูงอายุส่วนใหญ่แล้วจะทำงานที่เก่ามาเป็นเวลานานแต่ถ้าเกิดจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนงานและต้องไปสัมภาษณ์งานจริงๆผู้สูงอายุควรทำอย่างไรเพื่อให้แข่งขันกับคนอื่นๆได้ทั้งเด็กจบใหม่และคนที่มีอายุน้อยกว่า
เทคนิคในการสัมภาษณ์งานสำหรับผู้สูงอายุ
การสัมภาษณ์งานถือได้ว่าเป็นด่านที่ผู้สมัครงานและบริษัทจะได้พบเจอกันเพื่อเรียนรู้ซึ่งกันและกันให้นายจ้างหรือ HRเป็นคนที่ตัดสินใจว่าควรจะรับเราเข้าทำงานหรือไม่เพราะฉะนั้นการสัมภาษณ์งานจึงเป็นเรื่องที่ทำสำคัญที่สุดในการสมัครงาน

การแข่งขันในปัจจุบันมีอยู่มากมายทั้งเด็กจบใหม่และคนหนุ่มที่สนใจจะเปลี่ยนงานเราในฐานะคนสูงวัยก็เลยมีโอกาสน้อยที่จะไปสู้กับการแข่งขันในตลาดงานแต่เราสามารถใช้ประสบการณ์ที่เรามีเป็นจุดเด่นได้

ขั้นแรกเราต้องสำรวจตัวเองก่อนว่าเรามีความสามารถอะไรบ้างถนัดในด้านไหนมีจุดเด่นอย่างไรเพื่อเอาไว้ใช้ในการเขียน resume เพื่อให้บริษัทพิจารณาเราสามารถใช้ประสบการณ์ที่เรามีมาเป็นตัวช่วยในการสู้กับการดูถูกว่าเรามีอายุแล้วทำงานสูงเด็กรุ่นใหม่ไม่ได้ซึ่งความจริงแล้วไม่ใช่ประสบการณ์คือเรื่องที่บริษัทพิจารณาเป็นสิ่งแรกๆในการเลือกรับคนเข้าทำงาน

ต่อมาในการนำเสนอตัวเองในการสัมภาษณ์งานเราต้องพูดจาให้ชัดเจนและเสียงดัง พูดแต่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับการสัมภาษณ์ไม่ควรพูดออกนอกประเด็นและไม่ใช่คำหยาบหรือนินทาเพื่อนร่วมงานเก่าการฝึกพูดคนเดียวหน้ากระจกก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญเพื่อให้เราไม่ตื่นเต้นจนเกินไปในการสัมภาษณ์งานจริง

สิ่งสุดท้ายคือการแต่งตัวต้องสุภาพเรียบร้อยแต่งตัวให้เหมาะสมกับวัยแม้ว่าเราจะมีอายุแต่เราก็แต่งให้ดูดีได้ความประทับใจแรกเป็นสิ่งสำคัญอย่าให้ผู้สัมภาษณ์งานผิดหวังตั้งแต่แรกพบเด็กขาดมิเช่นนั้นเราก็จะไม่มีโอกาสที่จะได้รับเลือกเข้าทำงาน

การพัฒนาความสามารถด้านอื่นๆก็เป็นสิ่งสำคัญเพราะในปัจจุบันเทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างมากคนสูงวัยก็ควรจะเรียนรู้เทคโนโลยีเหล่านี้ไว้เพื่อให้สามารถแข่งขันกับเด็กรุ่นใหม่ได้สุดท้ายนี้เราต้องไม่ลืมว่าเราเป็นผู้สูงวัยเราต้องรู้ก่อนว่าเราสามารถทำอะไรได้บ้างไม่ได้บ้างควรจะพิจารณาตัวเองให้รอบคอบ

เคล็ดลับสำหรับการเปลี่ยนงานใหม่ให้ประสบผลสำเร็จ

การเปลี่ยนงานนั้นไม่ใช่เรื่องที่จะทำกันได้ง่ายๆถ้าเราไม่มั่นใจจริงๆว่าเราจะได้งานใหม่อย่างแน่นอนเราก็ไม่ควรรีบเปลี่ยนงานเด็ดขาดเพราะนั้นอาจทำให้เราเป็นคนว่างงานเพราะในปัจจุบันมีการแข่งขันกันอยู่มากมายทั้งเด็กจบใหม่หรือคนที่มีความสามารถสูงซึ่งถ้าเราไม่เก่งจริงหรือมีประสบการณ์ทำงานมามากก็ไม่ควรรีบตัดสินใจโดยเด็ดขาด
สำหรับคนที่จำเป็นต้องเปลี่ยนงานอาจด้วยเหตุผลต่างๆนาๆทั้งต้องการความก้าวหน้ามีปัญหาในที่ทำงานและด้วยหลายๆเหตุผลที่เราจำเป็นต้องเปลี่ยนงานวันนี้เราจึงมาบอกเคล็ดลับในการเปลี่ยนงานใหม่ให้ประสบความสำเร็จซึ่งมีดังนี้

เปลี่ยนงานอย่างไรให้ประสบผลสำเร็จ
ก่อนที่เราจะคิดเปลี่ยนงานเราต้องหาเหตุผลสำหรับการเปลี่ยนงานใหม่
-เราถนัดทำงานอะไร
-งานอะไรที่เราไม่ถนัด
-งานใหม่ที่เราต้องการ
-เพราะอะไรถึงอยากออกจากงานเก่า

เมื่อเราหาคำตอบสำหรับข้างต้นได้แล้วละก็ เราก็พร้อมที่จะเปลี่ยนงานแต่ต้องไม่ลืมว่าการเปลี่ยนงานไม่ใช่เรื่องที่สามารถทำได้ทันทีเราต้องมีการวางแผนก่อนลงมือทำอะไรก็ตามการเปลี่ยนงานเป็นเรื่องเสี่ยงถึงแม้ว่าเราจะมีประสบการณ์ในการทำงานมามากแต่ใช่ว่าเราจะหางานได้ง่ายเพราะมีการแข่งขันอยู่มากมายและบริษัทต้องการคนที่คุ้มค่าจ้างที่สุด

วางแผน
การวางแผนเป็นพื้นฐานสำหรับทุกเรื่องการเปลี่ยนงานก็เช่นกันก่อนที่เราจะเปลี่ยนงานเราต้องคิดให้รอบคอบวางแผนให้พร้อมสำหรับทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นทั้งงานใหม่ที่เราจะทำช่วงเวลาระหว่างที่เราว่างงานเราจะทำอะไรอาจจะไปหางานชั่วคราวทำทุกอย่างๆเราต้องเป็นคนวางแผนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ของเราเอง

เวลา
ในระหว่างที่เรากำลังรองานใหม่เราก็ไม่ควรรีบลาออกจากงานเก่าเพราะเรายังไม่แน่ใจว่าเราจะได้งานใหม่หรือไม่ ไม่ควรรีบบอกแผนให้ใครรู้เด็ดขาดเพราะถ้าไปถึงหัวหน้าเราอาจจะถูกเรียกไปสอบถามและอาจจะถูกไล่ออกจากงานถ้าเหตุผลเราไม่ดีพอ

ตัดสินใจ
เมื่อถึงเวลาที่เราต้องเปลี่ยนงานแล้วและเรามั่นใจว่าเราได้งานใหม่อย่างแน่นอนก็ถึงเวลาที่เราต้องตัดสินใจเอาเหตุผลทั้งมาประกอบการตัดสินใจว่าเราควรจะเปลี่ยนงานจริงๆหรือไม่เพราะเท่ากับว่าเราต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ทั้งเพื่อนร่วมงานการเดินทางเวลาในการทำงานและบรรยากาศในการทำงาน
 

การเปลี่ยนงานถ้าไม่จำเป็นจริงๆเราก็ไม่ควรเปลี่ยนอาจจะทำงานไปสีกสองสามปีเพื่อให้มีประสบการณ์ในการทำงานก่อนเพราะถ้าเรารีบออกทั้งๆที่ทำงานไม่ถึงปีการที่เราจะหางานใหม่นั้นก็จะยากไม่ต่างกับเด็กจบใหม่


ทักษะที่จำเป็นสำหรับคนทำงานในปัจจุบัน

 
คนทำงานในปัจจุบันความสามารถถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ ยิ่งเรามีความสามารถหรือทักษะในการทำงานมากเท่าไรเราก็จะยิ่งได้เปรียบมากกว่าคนอื่นๆเพราะทักษะนั้นเป็นสิ่งที่บริษัทต้องการเพื่อให้งานที่บริษัทต้องนั้นออกมาดีที่สุดทักษะในการทำงานนั้นมีอยู่หลากหลายอย่างขึ้นอยู่กับงานที่ทำดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องศึกษาหาข้อมูลก่อนว่างานที่เราทำนั้นจำเป็นต้องมีทักษะที่จำเป็นในการทำงานอะไรบ้างเพื่อให้เราไม่ต้องไปเสียเวลาทีหลังเมื่อเราเริ่มทำงานไปแล้วการเตรียมตัวให้ดีก่อนทำงานทำให้เราสามารถทำงานได้ดีกว่าคนที่ไม่เคยเตรียมตัวอะไรเลยเพราะการทำงานไม่ว่าจะงานอะไรต้องอาศัยความรอบคอบและทักษะในการทำงานทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นงานใดๆก็ตาม

ทักษะในการทำงานทุกคนสามารถฝึกฝนกันได้ขึ้นอยู่กับความตั้งใจของแต่ละคนซึ่งการฝึกฝนไม่ใช่เรื่องยากเพียงแค่เรารู้ก่อนว่างานที่เราทำนั้นจำเป็นต้องใช้ทักษะอะไรในการทำงานและเมื่อเรารู้แล้วว่าต้องใช้ทักษะใดเราก็เพียงแค่หมั่นฝึกฝนทักษะนั้นๆจนเราเก่งความสำคัญอยู่ที่ว่าเรามีวินัยมากแค่ไหนในการฝึกฝน ในวันนี้เราจะมาบอกทักษะที่จำเป็นในการทำงานสำหรับคนทำงานในปัจจุบันว่ามีอะไรบ้าง

ด้านคอมพิวเตอร์
จำเป็นต้องรู้ว่าโปรแกรมต่างๆใช้งานอย่างไรและต้องใช้งานให้คล่องเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการทำงานโปรแกรมพื้นฐานทั่วไปเช่น WORD EXCEL POWERPOINT เป็นต้น การใช้การติดต่อสื่อสารระหว่างบริษัทก็เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องรู้เช่น การส่ง E-MAIL การใช้ SOCIAL MEDIA เป็นต้นทักษะนี้ถือว่าเป็นพื้นฐานสำหรับการทำงานในปัจจุบันเป็นทักษะที่พนักงานทุกคนต้องมีโดยเฉพาะพนักงานออฟฟิต

ด้านภาษา
อย่างที่เรารู้ๆกันอยู่แล้วว่าอีกไม่นานประเทศไทยก็จะเข้าสู่ AEC การใช้ภาษาที่สองและสามถือว่าเป็นเรื่องสำคัญภาษาที่พนักงานทุกคนจำเป็นต้องรู้เป็นภาษาแรกเลยคือภาษาอังกฤษเพราะเป็นภาษาที่ใช้กันทั่วโลกและเมื่อเข้าสู้ AEC เราก็จำเป็นต้องรู้ภาษาของเพื่อนบ้านเราด้วยเพื่อการติดต่อสื่อสารที่สะดวกยิ่งขึ้น

การแก้ไขปัญหา
การทำงานไม่ว่าจะงานอะไรเราไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะเกิดขึ้นได้เพียงแต่ว่าเราต้องรู้จักการแก้ไขปัญหาไม่ใช้อารมณ์ในการแก้ไขปัญหาควรใช้เหตุผลเพราะการทำงานถ้าเราใช้อารมณ์งานก็จะออกมาได้ไม่ดีเผลอๆอาจจะถูกเจ้านายไล่ออกจากงานเพราะใช้อารมณ์ในการทำงานไม่ฟังเหตุผลอีกด้วยไม่ว่าเราจะโดนนินทาว่าร้ายหรือโดนเจ้านายสั่งงานมากแค่ไหนเราก็ต้องทำมันให้ดีที่สุดใช้เวลาในการพิสูจน์ตัวเองให้คนรอบข้างและเจ้านายได้เห็น

การบริหารจัดการ
คนที่เป็นเจ้านายจำเป็นต้องมีทักษะนี้เพราะเจ้านายจำเป็นต้องเป็นผู้นำในการทำงานถ้าเรานำไม่ดีงานที่ทำออกมาก็จะไม่ดีตามที่ต้องการการบริหารจัดการบุคคลถือว่าเป็นเรื่องสำคัญเราต้องรู้ว่าควรให้ใครทำหน้าที่อะไรเพื่อให้งานออกมาได้ดีที่สุด

การซ่อมแซม
เป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับคนที่ทำงานด้าน IT ถึงแม้ว่าการทำงานประเภทนี้จะเป็นงานที่สบายอยู่ในห้องแอร์แต่เราก็ต้องมีทักษะในการซ่อมแซมเบื้องต้นเพราะอาจจะเกิดปัญหาได้ทุกเมื่อถ้าเราสามารถ
ซ่อมแซมเบื้องต้นได้เราก็ไม่ต้องรอช่างเวลาในการทำงานของเราก็จะใช้ได้เกิดประโยชน์มากที่สุด

ทักษะพิเศษ
การทำงานทุกอย่างจะมีทักษะที่จำเป็นเฉพาะด้านอยู่ เราควรศึกษางานที่เราทำจำเป็นต้องมีทักษะอะไรเพิ่มเติมหรือไม่เพื่อให้งานทำงานนั้นเป็นไปอย่างราบรื่น
ทักษะข้างต้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของทักษะที่จำเป็นในการทำงานในปัจจุบันเพราะการแข่งขันนั้นมีมากถ้าเรามีทักษะมากกว่าคนอื่นเราก็มีโอกาสที่จะได้รับเลือกเขาทำงานมากกว่าเพราะฉะนั้นอย่าลืมฝึกฝนทักษะใหม่ๆให้ตัวเองอยู่เสมอ



เมื่อไม่ได้รับเลือกเข้าทำงาน...จะทำยังไงดี?

การสมัครมีทั้งคนที่ได้ตามที่หวังและคนที่ผิดหวังคนที่ได้ตามที่หวังก็มีความสุขแต่สำหรับคนที่ผิดหวังก็ต้องไปหางานใหม่แต่สิ่งสำคัญคือเราต้องไม่หมดกำลังใจเพราะงานบนโลกนี้มีอยู่มากมายถึงแม้เราจะผิดหวังกับการสมัครงานแต่บริษัทอื่นก็ยังมีงานอื่นก็ยังมีขอเพียงแค่เรามีความตั้งใจงานที่ต้องการก็จะไม่ไกลเกินเอื้อมอีกต่อไปงานบนโลกนี้มีอยู่หลากหลายมากมายซึ่งบางครั้งงานก็ไม่เพียงพอกับคนที่่ต้องการทำงานเพราะบริษัทต้องเลือกคนที่ดีที่สุดในการเลือกคนเข้ามาทำงานบริษัทจะพิจารณาจาก
 
ประสบการณ์ในการทำงานเป็นเรื่องสำคัญเพราะฉะนั้นถ้าเราผิดหวังกับการสมัครงานก็อย่าเพิ่งท้อใจไปเราอาจจะไปทำงานที่บริษัทอื่นและเมื่อเราทำงานจนมีประสบการณ์พอสมควรเราอาจจะกลับมาสมัครใหม่โดยครั้งนี้เราก็จะถือไพ่เหนือกว่าผู้สมัครอื่นๆเพราะเรามีประสบการณ์ในการทำงานมากกว่านั้นเองในวันนี้เราจะมานำเสนอเคล็ดลับในการทำอย่างไรดีเมื่อเราผิดหวังจากการรับสมัครงานซึ่งมีดังนี้

อย่าย่อท้อ
การที่เราผิดหวังจากการสมัครงานนั้นไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ชีวิตทั้งชีวิตของเราพังเพราะบนโลกนี้ยังมีงานอยู่อีกมากมายแต่สิ่งที่สำคัญคือเราต้องไม่ย่อท้อโดยเด็ดขาดเพราะถ้าเราย่อท้อแล้วเราก็จะไม่สามารถทำอะไรได้อีกเลยต้องให้กำลังใจตัวเองอยู่เสมอว่างานนั้นมีอยู่มากมายบนโลกต้องมีสักงานที่เหมาะกับเรา

มองย้อนมาที่ตัวเอง
เมื่อเราผิดหวังจากการสมัครงานเราไม่ควรเศร้าเสียใจแต่เราควรมองย้อนมาที่ตัวเองว่าเราผิดพลาดตรงไหนมีอะไรที่ทำให้บริษัทไม่รับเลือกเราเข้าทำงานเพราะเมื่อเราไปสมัครงานที่อื่นในครั้งหน้าเราจะได้ปรับปรุงตัวเพื่อให้เรามีโอกาสในการได้รับเลือกเข้าทำงานมากกว่าเดิมไม่ผิดหวังอีกต่อไป

พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ
ถึงแม้เราจะผิดหวังกับการสมัครงานอาจจะเป็นคุณสมบัติของเราไม่ตรงตามความต้องการของบริษัทเพราะฉะนั้นก่อนที่เราจะสมัครงานใหม่เราอาจจะไปหาความรู้และพัฒนาความสามารถเพิ่มเติมเพื่อให้มีโอกาสในการได้รับเลือกเข้าทำงานมากกว่าที่เคยผ่านมาเช่นไปศึกษาภาษาเพิ่มเติมหรือไปพัฒนาทักษะความสามารถที่จำเป็นกับงานที่เราต้องการสมัคร

อย่าอยู่แต่ในกะลา
คนส่วนมากคิดว่าการที่ตัวเองไม่ได้รับเลือกเข้าทำงานนั้นเป็นเพราะคุณสมบัติไม่ถูกใจบริษัทแต่นั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นเพราะความจริงแล้วประสบการณ์ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันการที่เราอยู่แต่ในกะลาทำให้เราไม่มีประสบการณ์ใดๆเลยเราอาจจะออกไปหางานชั่วคราวทำหรือลองทำงานที่ไม่เคยทำเพื่อให้เป็นประสบการณ์ติดตัวเราไปใช้ในการสมัครงาน
งานนั้นมีอยู่มากมายบนโลกนี้เพียงแค่เราผิดหวังกับการสมัครงานเพียงครั้งสองครั้งไม่ใช่เรื่องที่แปลกๆเพราะบริษัทที่หาคนทำงานนั้นต้องการคนที่มีความสามารถที่เหมาะสมกับเงินเดือนที่บริษัทจ้างและคนที่หางานนั้นก็มีอยู่มากทั้งคนที่จบมาใหม่และคนที่ตกงานหรือว่างงานเพราะฉะนั้นเราไม่ต้องกลัวไปว่าจะไม่มีงานทำเพราะการผิดหวังจากการสมัครงานนั้นเป็นเรื่องปกติเพียงแต่เราไม่ควรย่อท้อต่ออุปสรรคใดๆเว็บไซต์ที่ลงประกาศรับสมัครงานก็มีอยู่มากมายเราอาจจะใช้เป็อีกตัวเลือกในการหางาน








เรื่องน่าเศร้าของคนเพิ่งเรียนจบ

 
สำหรับคนที่เพิ่งจบมาใหม่ส่วนใหญ่แล้วจะคาดหวังกับงานที่ตัวเองจะได้ทำไว้สูงว่าจะได้ทำงานที่สบายๆและได้เงินเดือนสูงแต่ความจริงแล้วสิ่งเหล่านั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยเพราะการที่เราเพิ่งจะเรียนจบมาและไม่มีประสบการณ์ในการทำงานการที่บริษัทจะจ้างเราให้เงินเดือนเราสูงนั้นบริษัทจะต้องมั่นใจจริงๆว่าจะได้รับประโยชน์จากเงินเดือนที่จ่ายให้เราสูงเพราะฉะนั้นเราจึงต้องเก่งจริงๆหรือไม่ก็มีประสบการณ์ในการทำงานมามากบริษัทถึงจะเชื่อมั่นในตัวเรา

เด็กจบใหม่ส่วนใหญ่จะคิดว่าตัวเองจะต้องได้ทำงานที่สบายและไม่หนักหนาแต่ความจริงแล้วการที่เราเป็นเด็กใหม่ในบริษัทเราต้องเริ่มจากการทำงานที่เล็กน้อยที่สุดหัวหน้างานจึงจะมั่นใจว่าเราเหมาะสมกับการทำงานชิ้นใหญ่ๆต่อไปเพราะฉะนั้นความอดทนเป็นสิ่งสำคัญไม่ว่าเจ้านายจะใช้งานอะไรก็ตามต้องคิดไว้เสมอว่าเจ้านายต้องการเห็นความสามารถของตัวเราว่าในอนาคตเจ้านายจะสามารถไว้วางใจให้เราทำงานใหญ่ได้หรือไม่ถ้าแม้แต่งานเล็กๆที่เจ้านายมอบหมายให้เราทำเรายังทำได้ไม่ดีหรือไม่มีความอดทนเจ้านายก็จะเห็นว่าแม้แต่งานเล็กๆเรายังทำไม่ได้เจ้านายก็คงไม่ให้เราทำงานใหญ่อย่างแน่นอน

ทุกคนล้วนแล้วต้องการทำงานที่ตัวเองชอบแต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้ดั่งที่ต้องการบางครั้งเราก็ต้องเลือกระหว่างงานที่เราชอบกับรายได้ที่เราจำเป็นต้องใช้จ่ายเพราะบางทีงานที่เราไม่ชอบอาจจะเป็นงานที่สร้างรายได้ให้กับเราในอนาคตบางครั้งงานนั้นอาจจะเป็นงานที่ถนัดขึ้นมาเลยก็เป็นได้ถ้าเราขยันทำงานและขยันศึกษาหาความรู้แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในอนาคตไม่ว่าเราจะเจองานอะไรเราก็จะทำงานนั้นๆให้ผ่านได้ด้วยดีเนื่องด้วยประสบการณ์ที่เราสะสมมาเป็นตัวช่วยให้เราทำงานได้อย่างราบรื่นสาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้เรารู้สึกว่างานที่ทำอยู่ไม่เหมาะสมกับตัวเราคือความยากในการทำงานและสภาพแวดล้อมในการทำงานถ้าเราปรับตัวให้เข้ากับสิ่งต่างๆเหล่านี้ได้การทำงานก็จะไม่มีปัญหาและก็จะไม่มีงานไหนที่ไม่เหมาะสมกับเราอีกต่อไป

สังคมในการทำงานล้วนมีแต่การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นเข้าหาเจ้านายอยู่ทุกๆทีขึ้นอยู่กับว่าเราสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมในการทำงานได้ดีแค่ไหนอย่างที่ว่า"เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม"แต่เราต้องดูความเหมาะสมด้วยว่าสิ่งต่างๆเรานั้นเราควรทำหรือไม่เช่น คนอื่นกินกาแฟแก้วละ100บาทแต่รายได้ของเราไม่ได้สูงมากเราก็ไม่จำเป็นต้องกินตามแต่บางเรื่องเช่น การช่วยกันออกค่าอาหารเราก็ควรทำตามเพราะไม่งั้นเราอาจจะทำงานได้ยากขึ้นเพราะจากการนินทาของเพื่อนร่วมงานถ้าจะให้พูดง่ายๆก็คือทำอะไรก็ตามที่สังคมเขาปฏิบัติกันแต่ต้องอยู่ในความถูกต้องตามหลักศีล5และไม่เบียดเบียนผู้อื่น

สุดท้ายนี้สำหรับเด็กจบใหม่เราไม่ควรหวังสูงเกินไปว่าจะได้ทำงานที่สบายและรายได้เยอะเพราะเรายังไม่มีประสบการณ์ในการทำงานอาจจะต้องใช้เวลาสักปีถึงสองปีเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์เมื่อเรามีประสบการณ์แล้วการที่เราจะหางานที่มีรายได้เยอะๆก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปเพราะบริษัทส่วนใหญ่จะรับคนที่มีประสบการณ์มากกว่ารับเด็กจบใหม่ที่ขาดประสบการณ์ในการทำงานเพราะต้องมานั่งสอนงานทำให้เสียรายได้ในส่วนที่ไม่จำเป็น

เรียนจบแล้วแต่ไม่มีงานทำจะเอาตัวรอดอย่างไรดี

 
คนที่เรียนจบมาส่วนใหญ่แล้วจะประสบปัญหาหางานไม่ได้หรือไม่มีงานที่ตัวเองต้องการเลยทำให้ขาดรายได้เพราะเมื่อเรียนจบแล้วก็ต้องช่วยเหลือค่าใช้จ่ายทางบ้านหรือใช้จ่ายอย่างอื่นวันนี้เรามานำเสนอเทคนิคในการเอาตัวรอดเมื่อเรียนจบแล้วยังไม่มีงานทำ

เรียงลำดับความสำคัญของเรื่องต่างๆ
การวางแผนค่าใช้จ่ายถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดเราต้องกำหนดสิ่งที่จำเป็นและไม่จำเป็นออกมาเป็นรายการสิ่งไหนที่เราสามารถตัดค่าใช้จ่ายไปได้เราก็จำเป็นต้องตัดค่าใช้จ่ายส่วนนั้นออกไปจนกว่าเราจะได้งานทำและมีรายได้มาใช้จ่ายในสิ่งนั้นๆ

มีสติอยู่เสมอ
ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นเราก็ควรมีสติอยู่เสมอไม่ควรทำจิตใจให้เครียดคิดอยู่เสมอว่างานนั้นมีอยู่มากมายสักวันเราต้องเจองานที่เราชอบและเราต้องการการที่เรามีสติในการทำสิ่งต่างๆอยู่เสมอจะทำให้เราตัดสินทำสิ่งต่างๆเรานั้นได้อย่างดีที่สุดไม่ตัดสินอะไรผิดพลาดไป

ขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง
คนรอบข้างอาจจะเป็นพ่อแม่ญาติพี่น้องหรือเพื่อนให้พวกเขาเหล่านั้นช่วยเราในการหางานที่ตรงตามความต้องการเพราะพวกเขามีประสบการณ์ในการทำงานมาก่อนเราอยู่แล้วแต่การขอความช่วยเหลือต้องไม่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกอึดอัดควรขอความช่วยเหลือในขอบเขตที่เหมาะสม

หางานชั่วคราว
ในระหว่างที่เรากำลังรองานที่เราต้องการเราไม่ควรอยู่เฉยๆควรออกไปหางานพาร์ทไทม์ทำเพื่อให้ระหว่างนั้นเรามีรายได้เพื่อมาช่วยเหลือค่าใช้จ่ายต่างๆดีกว่าอยู่บ้านเฉยๆอีกทั้งการทำงานพาร์ทไทม์ยังทำให้เรามีประสบการณ์ในการทำงานเพิ่มขึ้นอีกด้วย

อดออม
การอดออมไม่ได้หมายถึงว่าเราขี้เหนียวหรือขี้งกเพียงแต่เราอดออมวันนี้เพื่อให้มีกินในวันข้างหน้าบางคนทำงานแล้วเงินเดือนออกก็เอาไปใช้หมดไม่ได้เก็บไว้สักบาทพอแก่ตัวลงก็ไม่มีเงินใช้และต้องลำบากเพราะฉะนั้นเราควรเริ่มเก็บเงินตั้งแต่นี้เป็นต้นไป

เทคนิคข้างต้นเป็นเพียงส่วนนึงในการเอาตัวรอดของคนที่เพิ่งเรียนจบและยังหางานทำไม่ได้ ไม่เลือกงานไม่ยากจนต้องจำคำนี้เอาไว้เสมอเพราะสามารถนำไปใช้ได้ตลอดเพราะถ้าเรายิ่งเลือกงานมากโอกาสที่เราจะได้ลองสิ่งใหม่ๆก็จะไม่มี

งานสุจริต

 
งานในปัจจุบันมีอยู่หลากหลายประเภทพแต่ไม่ว่างานอะไรขอเพียงแค่เราทำงานที่ไม่ผิดกฎหมายและไม่ผิดศีลธรรมก็เพียงพอแล้วไม่ว่างานนั้นจะได้เงินเดือนสูงหรือต่ำแค่ไหนเพียงเราพอใจในงานที่ทำก็พอ

คนทำงานทั่วไปล้วนแล้วต้องการทำงานที่ตัวเองชอบตัวเองต้องการ จึงทำให้มีการเปลี่ยนงานอยู่บ่อยๆบางคนอาจจะเปลี่ยนงานเดือนละครั้งเลยก็มีเพราะไม่ถูกใจกับงานที่ทำ คนส่วนมากจะดูถูกงานที่ได้เงินเดือนน้อยว่าเป็นงานสำหรับคนที่ฐานะยากจนเป็นงานที่ไม่มีศักดิ์ศรีไม่มีเกียรติเลยไม่อยากทำงานนั้นๆแต่ก็ลืมไปว่างานที่ตัวเองทำอาจจะไม่สุจริตหรือทำงานที่ผิดกฎหมายอยู่

คำพูดที่ว่า"ไม่มีงานไหนต่ำถ้าเราทำด้วยใจสูง"สามารถใช้กับการทำงานได้ทุกรูปแบบเพราะการทำงานไม่ว่างานนั้นจะเป็นงานที่ได้เงินเดือนน้อยหรือเป็นงานที่ไม่มีเกียรติมีหน้ามีตาในสังคมเพียงใดแต่ถ้าเราทำด้วยจิตใจที่มุ่งมั่นเราก็จะภูมิใจกับงานที่เราทำทำให้เราทำงานได้ดีประสบความสำเร็จในการทำงาน

ในปัจจุบันมีคนที่ทำงานผิดกฎหมายและผิดศีลธรรมอยู่มากเพราะคนเหล่านั้นเชื่อว่างานที่ตนทำนั้นได้เงินมาได้ง่ายเลยตัดสินใจทำแต่คนเหล่านั้นก็ลืมไปว่างานที่ทำนั้นผิดกฎหมายถ้าถูกจับได้ก็อาจจะไม่ได้ใช้เงินที่ตนหามาและเสียอนาคตเพราะต้องไปติดคุกหรือไม่ก็เสียชีวิตเลยก็มีเพราะฉะนั้นก่อนที่เราจะตัดสินใจทำงานใดๆที่ผิดกฎหมายหรือผิดศีลธรรมเราต้องคำนึงถึงผลกระทบที่จะตามมาทีหลังต้องห่วงคนข้างหลังว่าเขาจะอยู่ได้หรือไม่ถ้าไม่มีเรา "คิดก่อน ไม่ใช่ทำแล้วค่อยมาคิด"

คนบางคนทำงานที่มีตำแหน่งสูงมีเงินเดือนสูงมากแต่งานที่ทำเป็นงานที่มีแต่การเอารัตเอาเปรียบผู้อื่นงานนั้นก็เป็นงานที่มีเกียรติต่ำ งานก่อสร้างหรืองานเก็บขยะถึงแม้ว่าจะมีเงินเดือนน้อยและเป็นที่น่ารังเกียจจากผู้คนภายนอกแต่ก็ยังเป็นงานที่สุจริตและมีเกียรติมากกว่างานที่มีเงินเดือนสูงแต่เป็นงานที่
ไม่สุจริต
สิ่งที่ใช้วัดว่างานนั้นเป็นงานที่สุจริตคือเอางานนั้นๆไปเปรียบเทียบกับศีล5ว่างานที่เราทำนั้นผิดศีลข้อไหนหรือไม่ถ้าผิดแม้แต่ข้อเดียวก็แสดงว่างานที่เราทำนั้นเป็นงานที่ไม่สุจริตอย่าไปคิดว่างานที่สูงเป็นงานที่สุจริตเสมอไปและไม่ควรคิดว่างานที่ต่ำเป็นงานที่ไม่สุจริตงานจะสูงมันขึ้นอยู่ว่าเราทำด้วยใจที่สูงหรือต่ำถ้าเราทำงานด้วยใจสูงมันเป็นงานที่สูงแต่ถ้าทำด้วยใจต่ำงานนั้นก็จะต่ำงานจะสูงต่ำไม่ได้วัดกันที่สังคมประเมินขึ้นอยู่กับตัวของเราเอง