การหาคนทำงานในตำแหน่งต่างๆในแต่ละครั้ง บริษัทอาจเคยพบปัญหา และ ไม่แน่ใจเกี่ยวกับผู้ที่มาสมัครงาน ที่ได้กรอกประวัติ และ เขียนคุณสมบัติไว้ว่าจะทำได้จริงอย่างที่ได้เขียนไว้ในใบสมัครหรือไม่ และ ไม่รู้ว่าเป็นคนอย่างไร ผลสำวจเรื่องความมั่นใจในการตัดสินใจรับคนเข้าทำงานส่วนใหญ่กล่าวว่า 50% จะรู้ว่าเลือกคนถูกหรือไม่ก็ต่อเมื่อได้รับเข้ามาทำงานแล้วในช่วงเวลาประมาณ 3-6 เดือน หรือ ในช่วงทดลองงาน
จากเหตุการณ์ข้างต้นจะเห้นว่า ปัญหาที่แท้จริงของการคัดเลือกคนเข้ามาทำงาน อยู่ที่มาตรฐานและวิธีการรับคน และผู้สัมภาษณ์หลายๆท่าน ยังใช้วิธียอดฮิตในการสัมภาษณ์คือ ใช้คำถามปิด คำถามกว้างๆ หรือไม่ก็คำถามยอดฮิตที่ผู้สมัครได้เตรียมตัวมาแล้ว ซึ่งก็ไม่แปลกที่ผู้สัมภาษณ์จะเกิดความสงสัยว่าคนที่มาสมัครงาน จะทำได้จริงอย่างที่พูด หรือ มีทัศนคติ นิสัยอย่างไร
1.กำหนดคุณสมบัติ ขั้นต่ำ สำหรับงานนั้นๆไว้เสมอ
การกำหนดคุณสมบัติขั้นต่ำ ก็เพื่อให้ได้คนที่สามารถเข้าใจ และ รับผิดชอบหน้าที่ของแต่ละตำแหน่งได้ เช่น ประสบการณ์ในการทำงาน การศึกษา แต่ก็ต้องแยกให้ออกระหว่าง ระดับการศึกษาที่จำเป็น กับ ระดับการศึกษาที่อยากให้มี เพราะถึงแม้ว่า ผู้สมัครจะไม่ได้จบการศึกษามาสูง แต่มีประสบการณ์ในการทำงานในตำแหน่งนั้นมากกว่าผู้ที่จบการศึกษาสูง ก็สามารถทำให้ทำงานที่ได้รับมอบหมาย สำเร็จลุล่วงได้ดีกว่าผู้สมัครที่จบสูงกว่าเช่นกัน
2.หาผู้ที่เหมาะกับงานนั้นๆอยู่เสมอ
มีอยู่หลายวิธีที่จะค้นหาคนที่เหมาะกับงาน เช่น สรรหาบุคลากรจากในบริษัทก่อน เนื่องจากว่า คนที่ทำงานอยู่ในบริษัทอยู่แล้ว ย่อมมีความเข้าใจในการดำเนินงานของบริษัท ดีกว่าคนที่รับเข้ามาใหม่ หรือ ลงประกาศกับสื่อโฆษณาที่เหมาะสม เช่น การลงประกาศตามเว็บไซต์หางาน เนื่องจากมีผู้ที่ต้องการหางานเข้ามามองหางานจากเว็บไซต์เหล่านี้เป็นจำนวนมาก อาจจะทำให้บริษัทได้คนไวขึ้นอีกด้วย
3.เน้นการถามผู้สมัครงานว่า "ทำไม . . . "
การถามในลักษณะนี้ เป็นการถามเพื่อให้รู้ถึงวิธีคิด ทัศนคติของผู้ที่มาสมัครงาน แต่หากเป็นการสัมภาษณ์ร่วมกันหลายคน ผู้ที่สัมภาษณ์ควรใช้คำถามที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละคน แต่เป็นคำถามในรูปแบบเดียวกันเพื่อดูทัศนคติและการให้เหตุผลในแต่ละคน